“ไมเนอร์” รีวิวแผนครึ่งปีหลัง ลุยไซซ์เล็ก-สปีด “บอนชอน”

ปรับแผน - กลยุทธ์การเติบโตของไมเนอร์ ฟู้ด จากนี้ไปจะเน้นพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารในเครือโมเดลใหม่ๆ และเพิ่มน้ำหนักการเปิดร้านไซซ์เล็กมากขึ้น

ไมเนอร์ฯมั่นใจตลาดร้านอาหาร 4 แสนล้านฟื้นตัว หลังคลายล็อกลุยอัดแคมเปญ-โปรโมชั่นเดือด กางแผนธุรกิจ สร้างการเติบโตก้าวทีละสเต็ป เน้นแตกไลน์โมเดลร้านไซซ์เล็ก-คีออสก์-แกร็บแอนด์โก เจาะทุกพื้นที่ขาย พร้อมเดินหน้าขยายร้านไก่บอนชอน 17 แห่ง เน้นปูพรมหัวเมืองหลักต่างจังหวัด รับกำลังซื้อ ก่อนเพิ่มน้ำหนักดีลิเวอรี่ บริหารจัดการต้นทุน/ลดค่าใช้จ่าย รักษาสภาพคล่อง

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และซิซซ์เล่อร์ ฯลฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐประกาศปลดล็อกให้กลับมาเปิดให้บริการนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้อีกครั้ง (เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563) ภายใต้มาตรการความเข้มงวดด้านความสะอาดและความปลอดภัย โดยประเมินว่าภาพรวมธุรกิจร้านอาหารมูลค่า 4 แสนล้านบาทจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะช่องทางดีลิเวอรี่ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะคุ้นชินในการทานอาหารที่บ้านในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ภาคธุรกิจจะค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่

ขณะเดียวกัน ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น หากสังเกตจะเห็นว่า เมื่อทุก ๆ ร้านกลับมาเปิดให้บริการพร้อมกันทั้งหมด รวมถึงปัจจุบันศูนย์การค้ามีการปรับกลยุทธ์ดึงร้านอาหารชื่อดังจากนอกห้างเข้ามาเปิดให้บริการมากขึ้น ทำให้เชนร้านอาหารรายใหญ่ เร่งอัดแคมเปญและโปรโมชั่นอย่างหนัก ตลอดจนการปรับโมเดลการขาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างครอบคลุม

เช่นเดียวกับร้านอาหารในเครือไมเนอร์ อาทิ เดอะพิซซ่า คอมปะนี ซิซซ์เล่อร์ เดลี่ควีน เบอร์เกอร์คิง ฯลฯ ขณะนี้ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเฉพาะบางสาขา ทั้งสาขาในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งพบว่าจำนวนลูกค้าเริ่มกลับมาและมียอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้น สิ่งที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ คือ เมนูนวัตกรรมใหม่ และเข้มงวดด้านบริการ ความสะอาดเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ส่วนสาขาในแหล่งท่องเที่ยวต้องชะลอการเปิดไว้ก่อน เนื่องจากต้องรอการกลับมาของนักท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มน้ำหนักช่องทางดีลิเวอรี่ ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว เห็นได้จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมากและสิ่งที่ทางร้านอาหารขายได้ตอนนั้น คือ ช่องทางดีลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้าน (take away) ถือว่าโชคดีที่เรามีความแข็งแกร่งด้านการส่งดีลิเวอรี่ รวมทุกแบรนด์ไว้ในแอปพลิเคชั่น “1112” จากนี้ไป จะต้องเพิ่มออปชั่นและฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้แพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารสามารถใช้งานสะดวก และรวดเร็ว

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องปรับแผนงานใหม่ไปทีละสเต็ป ๆ  โดยสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การบริหารจัดการต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย เช่น ขอลดค่าเช่าจากเจ้าของพื้นที่ศูนย์การค้า เพื่อช่วยรักษาสภาพคล่อง ส่วนการขยายสาขาใหม่จะต้องชะลอไว้ก่อน และต้องหันมาโฟกัสแบรนด์ที่ทำรายได้ดี เช่น เดอะพิซซ่า คอมปะนี เบอร์เกอร์คิง บอนชอน เป็นต้น ส่วนด้านงบฯการตลาด ยังต้องใช้อยู่ประมาณ 5 % ของยอดขายรวม เพราะทุก ๆ แบรนด์ในเครือต้องจัดแคมเปญมาร์เก็ตติ้งเพิ่มสีสันในตลาด

ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของไมเนอร์ ฟู้ด จากนี้ไปจะเน้นพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารในเครือในโมเดลใหม่ ๆ และในแง่ของการขยายสาขาจะต้องเปลี่ยนไป จากเดิมจะเน้นเปิดร้านในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่หลังจากนี้จะเปลี่ยนรูปแบบการเปิดสาขา ร้านขนาดเล็ก คีออสก์ และแกร็บแอนด์โก โดยจะเน้นไปเปิดทั้งในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานต่าง ๆ และย่านมหาวิทยาลัย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่และรูปแบบร้านอาหารที่มีอยู่ให้มากที่สุด โดยเร็ว ๆ นี้ แบรนด์สเวนเซ่นส์ มีแผนจะเปิดเคาน์เตอร์ คีออสก์ ติดกับร้านใหญ่ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อเพิ่มทราฟฟิกจำนวนลูกค้า

ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ในเครือยังต้องชะลอไว้ก่อน แต่จะหันมาโฟกัสขยายสาขาร้านไก่บอนชอน หลังจากที่ได้รับสิทธิเป็นผู้ดำเนินการร้านอาหารบอนชอนในไทย และเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ในระยะยาวแต่เพียงผู้เดียว ปัจจุบันร้านไก่บอนชอน จำนวนกว่า 50 สาขา และมีแผนจะเปิดเพิ่มในครึ่งปีหลังอีกประมาณ 17 สาขา จะเน้นเปิดในหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด ซึ่งมองว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีและแบรนด์ไก่บอนชอน เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ด้านคุณภาพของเมนู หลังจากเปิดสาขาล่าสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก

“ด้านสาขาในต่างประเทศ ปัจจุบันไมเนอร์ฯมีธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน และออสเตรเลีย โดยที่ผ่านมาเติบโตจากร้านริเวอร์ไซด์ และเดอะคอฟฟี่คลับ หลังจากนี้จึงมีแผนขยายสาขาในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ไปในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ควบคู่กับเพิ่มช่องทางขายดีลิเวอรี่ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการจัดส่งอาหารพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมากขึ้น” นายประพัฒน์กล่าว