กัญชา ดีมานด์ทะลัก! ใบราคาพุ่ง 10 เท่า แค่มีเงินก็ซื้อไม่ได้

กัญชาดีมานด์ทะลัก ใบราคาพุ่ง 10 เท่า
ภาพจากเฟซบุ๊ก สถาบันกัญชาทางการแพทย์

ดีมานด์กัญชาทะลัก ใบกัญชาสดราคาพุ่ง 10 เท่า แตะกิโลกรัมละ 15,000 บาท ส่วนใบแห้ง ต้องจองล่วงหน้า แค่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ผู้ประกอบการใช้วิธีจับมือสถาบันการศึกษาที่มีใบอนุญาตปลูกมากขึ้น

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการอาหารและเครื่องดื่มรายหนึ่ง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารรายใหญ่หลายราย อาทิ ซีพีเอฟ คาราบาว กระทิงแดง เถ้าแก่น้อย เซ็ปเป้ อิชิตัน ฯลฯ รวมถึงผู้ประกอบร้านอาหาร ร้านพิซซ่ารายใหญ่ ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกกัญชา เพื่อติดต่อและหาแหล่งซื้อวัตถุดิบในหลาย ๆ จังหวัด อาทิ บุรีรัมย์ สกลนคร อุดรธานี พิษณุโลก นครราชสีมา เชียงใหม่ เป็นต้น

และจากดีมานด์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เตรียมการ เพื่อรองรับการนำวัตถุดิบไปใช้กับสินค้าของตัวเองที่มีมากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับแหล่งปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้ราคาซื้อขายโดยเฉพาะใบกัญชาราคาพุ่งขึ้นเป็นกว่า 10 เท่า

“ก่อนหน้านี้ปกติราคาใบสดจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 1,000-1,500 บาท แต่ช่วงหลัง ๆ ขยับมาเป็น 2,000 บาท เพิ่มเป็น 5,000 บาท และพุุ่งขึ้นไปเป็น 10,000 บาท แต่ล่าสุด (20-21 มีนาคมที่ผ่านมา) ใบกัญชาขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับกิโลกรัมละ 14,000-15,000 บาท”

ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการร้านอาหารรายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากปริมาณของความต้องการใบกัญชาที่มีมากในตอนนี้ ส่งผลให้วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ยกตัวอย่าง ใบกัญชาที่นำมาตากให้แห้งเพื่อทำเป็นชาชง ราคากิโลกรัมละ 4-5 หมื่น ตามไซซ์ S-M-L และต้องมีการจองล่วงหน้าต้องทำ MOU ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วไปซื้อได้ หลาย ๆ แบรนด์มีความต้องการมาก

“ตอนนี้หลาย ๆ ค่ายใช้วิธีไปจับมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่มีใบอนุญาตปลูกมากขึ้น เนื่องจากสถาบันการศึกษาเหล่านี้จะมีวิสาหกิจชุมชนที่ปลูกกัญชาเป็นเครือข่ายจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การรวบรวมวัตถุดิบทำได้ง่าย”

นายณธกร ทัศนัส ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาและพืชเสพติดสมุนไพรทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ศูนย์ได้เริ่มปลูกกัญชาเพื่อวิจัยมาประมาณ 2 ปี เป็นการผลิตกัญชาที่เป็นเมดิคอลเกรด โดยผลิตเพื่อป้อนให้กับกรมการแพทย์แผนไทยฯ และองค์การเภสัชกรรมเป็นหลัก

ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเครื่องดื่มและอาหารหลายรายได้มีการติดต่อเข้ามา ซึ่งมีทั้งการขอคำปรึกษาเรื่องการปลูก รวมถึงการเจาจรเพื่อซื้อวัตถุดิบ

“ปกติเราขายกิโลกรัมละประมาณ 1,500 บาท แต่ก็มีผลผลิต (ใบกัญชา) ไม่มาก นอกจากกรมการแพทย์แผนไทยฯ และองค์การเภสัชกรรม ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการซัพพอร์ตให้กับร้านอาหาร-เครื่องดื่มในจังหวัดไปปรุงสดเพื่อจำหน่าย เป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดจึงไม่ได้ขายให้กับคนอื่น ๆ ที่ติดต่อเข้ามา”

ก่อนหน้านี้ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ขณะนี้มีผู้สนใจต้องการใช้ส่วนต่าง ๆ ของกัญชา โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นจำนวนมาก แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีจากแหล่งปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย และส่วนที่นำไปใช้จะรับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5

จากการตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ แม่โจ้ มีการเปิดให้มีการลงทะเบียนและจองซื้อชิ้นส่วนกัญชา อาทิ ใบกัญชาสด กิโลกรัมละ 1,000 บาท ใบกัญชาแห้ง กิโลกรัมละ 15,000 บาท รากกัญชาสด, กิโลกรัมละ 2,000 บาท, รากกัญชาแห้ง (กิโลกรัมละ 5,000 บาท) ยอดกัญชาอ่อน (กิโลกรัมละ 30,000 บาท) ก้านกัญชาแห้ง (กิโลกรัมละ 20,000 บาท) ลำต้นกัญชาแห้ง (กิโลกรัมละ 1,000 บาท)

ทั้งนี้ ผู้จองซื้อจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำไปใช้ โดยศูนย์วิจัยกำหนดว่าวัตถุประสงค์การนำไปใช้ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและถูกต้องตาม พ.ร.บ.องค์การอาหารและยา (อย.)