
ตลาดกัญชากัญชงยังมาแรง ESG เดินหน้ายุทธศาสตร์ผู้นำกัญชา คลุมต้นน้ำยันปลายน้ำ ประเดิม ต.ค. ปลูก 200 ไร่ คาด ม.ค. 65 แปรรูปต่อยอดผลิตภัณฑ์เสิร์ฟตลาดไทย-ต่างประเทศ ตั้งเป้า 3 ปี จับมือพาร์ตเนอร์ปลูกกัญชากัญชง 5,000 ไร่
วันที่ 31 สิงหาคม 2564 นายธนิสร บุญสูง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์น สเปคตรัม กรุ๊ป จำกัด หรือ ESG ผู้ปลูก สกัด และแปรรูปพืชกัญชากัญชง เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ESG เดินหน้าลุยตลาดกัญชงกัญชา สร้างการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยวางโพซิชั่นตนเองให้เป็นทั้งในแง่การปลูก สกัด แปรรูป และผลิต ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
- สินมั่นคงฯ : คปภ.เกาะติดกระบวนการฟื้นฟูกิจการ-ส่งสัญญาณเตือน ปชช.
- ครม.เคาะแล้ว ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท เริ่ม 1 ม.ค. 67
- ครึ่งทาง “MOTOR EXPO” BYD มาแรง แซง โตโยต้า ขึ้นยอดขายสูงสุด
เพื่อต่อยอดผลักดันพืชกัญชาและกัญชงเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยา เครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ซึ่งล้วนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีโอกาสสร้างการเติบโตได้สูง เนื่องจากพืชทั้ง 2 ชนิด มีสรรพคุณที่ดีในหลายด้านและใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ ใช้ทำแพลนต์เบสโปรตีน หรือแม้กระทั่งบางส่วนของกัญชงเองก็สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอก็ได้เช่นเดียวกัน
เบื้องต้น ESG ได้นำพื้นที่ของบริษัทฯ บริเวณจังหวัดราชบุรี เตรียมปลูกกัญชง 200 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 580 ไร่ ซึ่งพื้นที่ที่เหลือกำลังทยอยยื่นขออนุญาต โดยจะเริ่มปลูกในเดือน ต.ค. 64 และคาดว่าผลผลิตในรูปแบบต่าง ๆ จะออกสู่ตลาดได้ราวเดือน ม.ค. 65
โดยแผนสร้างการเติบโตระยะ 3 ปีนับจากนี้ จะเร่งขยายฐานการผลิตพืชกัญชาและกัญชงให้ครอบคลุม 5,000 ไร่ ทั้งในส่วนพื้นที่ของ ESG เอง และการร่วมมือกับเกษตรกรรายย่อย ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน เพื่อหวังป้อนสินค้าพืชกัญชากัญชงให้แก่ตลาดในประเทศและตลาดประเทศ
“คาดว่าหากเพาะปลูกอย่างเต็มศักยภาพน่าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 90,000 กิโลกรัม/ปี และสกัดเป้นสาร CBD ได้ราว 3 ตัน/ปี และสำหรับโรงงานของ ESG ที่ผ่านมาได้มีการลงทุนทั้งในส่วนเครื่องอบแห้งและเครื่องสกัดกัญชากัญชงในงบลงทุนไม่ต่ำอย่างละ 10 ล้านบาท ส่วนกำลังการผลิตในส่วนของโรงงานในอัตราส่วนต่อวันจะแบ่งเป็น การอบแห้งกัญชากัญชง 21,760 กิโลกรัม/วัน และการสกัดสาร CBD 1,000 กิโลกรัม/วัน ด้านการเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ 271 ไร่/วัน โดยจากศักยภาพดังกล่าวเชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ก็ได้มีการพูดคุยกับหลายหน่วยงาน องค์กร ทั้งบริษัททั่วไปและบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการร่วมกันต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยส่วนมากยังคงเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง ส่วนกลุ่มยายังมีไม่มากนัก ส่วนบริษัทฯ ในต่างประเทศก็มีติดต่อเข้ามาและร่วมหารือเกี่ยวกับกำลังการผลิตแล้วในเบื้องต้นเช่นกัน
นอกจากนี้ เพื่อสร้างการเติบโตได้มากขึ้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐเครือข่ายมหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังด้านการทำวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา-กัญชง และต่อยอดในด้านการได้รับใบอนุญาตการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชาเป็นรายแรก ๆ ของประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการเป้นผู้นำอุตสาหกรรมกัญชากัญชงของไทย
ด้าน ผศ.ดร.ปรีดา นาเทเวศน์ หัวหน้านักวิจัยพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า การร่วมมือกับ ESG ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะทำในส่วนการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชงและกัญชา ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับการดัดแปลงพันธุกรรมของพืชกัญชงเพศเมียให้เป็นหมัน เพื่อป้องกันการปะปนสายพันธุ์ในการเพาะปลูกบนพื้นที่ใกล้ ๆ กัน พร้อมกับนำเข้าพืชกัญชา-กัญชงจากต่างประเทศที่ให้สาร CBD สูง และมีสาร THC ระหว่าง 0.3 ไปจนถึงไม่เกิน 1% เข้ามาเพาะปลูกในประเทศ
ขณะที่ ผศ.ดร.ชุติมา เรืองอุตมานันท์ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพืชกัญชาและกัญชง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ระบุว่า ขณะนี้ตลาดกัญชาและกัญชงในประเทศไทยแม้เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่มีแนวโน้มเติบโตในระดับดี โดยคาดการณ์ได้ว่ามูลค่าตลาดรวมกัญชาและกัญชงไทยในช่วง 5 ปี หรือราวปี 68 จะมีมูลค่าสูงกว่า 15,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยิ่งหากกฎหมายไทยเปิดกว้างมากกว่านี้ จะทำให้ซัพพลายสอดคล้องกับดีมานด์ในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดนี้เติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน