Market-think สรกล อดุลยานนท์
วันก่อน มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF บนเวทีสัมมนาของ “ประชาชาติธุรกิจ”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
“Unlock Value ก้าวสู่เส้นทางใหม่ ไร้ขีดจำกัด”
คุณประสิทธิ์เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากได้สัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตแบบปกติของคนอเมริกันแล้ว
เรื่องหนึ่งที่เป็นเป้าหมายในการไปสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ คือ เรื่องเนื้อสัตว์จากพืช หรือ plant-based
ไม่รู้ว่าตลอดทั้งทริปจะได้กินเนื้อสัตว์จริง ๆ บ้างหรือเปล่า
ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ผู้บริหาร “มติชน” เคยนั่งสนทนากับ คุณธนินท์ เจียรวนนท์
นอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องธุรกิจของ ซี.พี.แล้ว
มี 2 เรื่องที่ผมจำได้แม่น
เป็นเรื่อง “จินตนาการ” ของคุณธนินท์
หรือที่ผมเรียกว่า “ธนินตนาการ”
เรื่องแรก คุณธนินท์เล่าว่า ความต้องการไก่ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
บางประเทศ ชอบน่องไก่
บางประเทศ ชอบอกไก่
คุณธนินท์ตั้งคำถามว่า ทำไมเราไม่ทำให้ไก่บางพันธุ์มีขา 4 ขา หรือผลิตไก่
ที่มีอกใหญ่ ๆ
จะได้ขายอก หรือน่องไก่ได้เยอะ
เรื่องนี้ถ้าคนพูดไม่ใช่คุณธนินท์ มันจะเป็น “เรื่องโจ๊ก” เรื่องหนึ่ง
แต่พอคนพูดเป็นคุณธนินท์
เราเลยเรียกว่า “ความคิดสร้างสรรค์”
เรื่องที่สอง คุณธนินท์ตั้งคำถามว่า ปลา ไก่ หมู หรือวัว กินสาหร่าย กินพืชต่าง ๆ เป็นอาหาร แล้วสะสมเป็นเนื้อ
แล้วทำไมเราไม่เอาพืชที่สัตว์ต่าง ๆ กิน เอามาทำเป็นเนื้อเลย
ไม่ต้องเลี้ยงให้เสียเวลา
เรื่องนี้เป็น “เรื่องโจ๊ก” อีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าคนพูดไม่ใช่คุณธนินท์
ผมจำ 2 เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
เพราะเป็นเรื่องเล่าที่มีเสน่ห์
ผมเคยนำ “ธนินตนาการ” มาเขียนแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ
ที่หยิบยก 2 เรื่องนี้มาเล่า เพราะเรื่องที่คนคิดว่าเป็น “เรื่องโจ๊ก” เรื่องหนึ่ง
วันนี้เป็นจริงแล้ว
plant-based คือ การผลิตเนื้อสัตว์จากพืช
รสชาติคล้ายกัน แต่ไม่ต้องเลี้ยง
ตอนที่มีข่าวเรื่อง plant-based ผมนึกถึง “ธนินตนาการ” เรื่องนี้ขึ้นมาทันที
แล้วสรุปในใจ
“มิน่าถึงรวย”
อีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยถามคุณธนินท์เมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนนั้นกระแสดิสรัปต์มาแรง
ผมถามว่าจะมีอะไรที่จะดิสรัปต์ธุรกิจอาหารของ ซี.พี.บ้าง
คุณธนินท์ตอบสั้น ๆ ว่า “plant-based”
ช่วงนั้น plant-based เพิ่งเริ่มต้น
แต่ลองคิดดี ๆ plant-based น่ากลัวจริง ๆ
ลองนึกดูสิครับว่า วันใดที่เขาสามารถผลิตเนื้อสัตว์จากพืชที่มีรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์จริง ๆ โดยที่มีต้นทุนเท่ากับการเลี้ยงสัตว์
วันนั้น ธุรกิจเนื้อสัตว์จริง ๆ มีโอกาสที่จะโดนดิสรัปต์สูงมาก
แต่ตอนนี้ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ คุณประสิทธิ์บอกว่า ที่สหรัฐอเมริกา ราคาแพงกว่าเนื้อสัตว์จริง ๆ ประมาณ 40-50%
ส่วนของ “ซีพีเอฟ” ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า ราคาจะสูงกว่าเนื้อสัตว์แค่ 20%
ตั้ง “ราคาขาย” ไว้ก่อนเลย
แล้วไปจัดการเรื่อง “ต้นทุน” ให้ได้
ครับ “ซีพีเอฟ” กำลังเริ่มลุยตลาด plant-based อย่างจริงจัง
การป้องกันการดิสรัปต์ที่ดีที่สุด คือ การโจมตีตัวเอง
ในเมืองไทยที่ “ซีพีเอฟ” ทำขายแล้ว คือ ยี่ห้อ MEET ZERO มีขายใน 7-11
และกำลังจับมือกับสตาร์ตอัพหลายแห่ง ผลิตเนื้อสัตว์จากพืช
ที่สิงคโปร์ก็เพิ่งจัดประกวดสตาร์ตอัพเรื่องนี้ และได้มาเจ้าหนึ่งซึ่งทาง ซี.พี.จะร่วมลงทุนด้วย
และการที่ CEO อย่างคุณประสิทธิ์ลงทุนไปสำรวจตลาดสหรัฐอเมริกา เรื่อง plant-based ด้วยตัวเอง
แสดงว่าเรื่องนี้ “ซีพีเอฟ” เอาจริง
คุณประสิทธิ์เป็น “คนเก่ง” มาก ช่วงที่ผ่านมามีสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ของซีพีเอฟออกมาเยอะมาก
ไก่เบญจา ไก่พรีเมี่ยมที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง
หมูชีวา ที่เป็นหมูพันธุ์ใหม่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของสาหร่าย เพื่อให้ไขมันหมูมีโอเมก้า 3
ตอนนี้เริ่มลุย plant-based
ตั้งเป้าหมายว่า ตลาดนี้ “ซีพีเอฟ” จะเป็นที่ 1 ในเอเชีย
และที่ 3 ของโลก
จับตาเรื่องนี้ดี ๆ นะครับ