สธ.ประเมินสถานการณ์โอไมครอนในไทยติดเชื้อแล้ว 14 จังหวัด ชี้มาตรการหย่อนสุด ติดเชื้อ 3 หมื่นราย/วัน ตายสูงวันละ 180 ราย
วันที่ 27 ธันวาคม 2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกระจายมากกว่า 106 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนราว 514 ราย กระจายใน 14 จังหวัด โดยหลัก ๆ จะเข้ามาจาก 3 ช่องทาง ได้แก่ Test and Go, Sandbox และ Quarantine
• ยอดติดเชื้อโอไมครอนพุ่ง 514 ราย ศบค.เผยระบาดแล้ว 10 จังหวัด
ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม แต่บางส่วนมีการหลุดออกไปบ้าง ซึ่งพบว่ามีออกไปเยี่ยมญาติ และอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดได้
ขณะที่จากข้อมูลในประเทศอังกฤษและแอฟริกา รายงานตรงกันว่า โอไมครอนก่อให้เกิดการเข้า รพ. น้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้าถึงครึ่งหนึ่ง และมีแนวโน้มอาการมีความรุนแรงน้อยกว่า โดยอาการส่วนใหญ่อยู่ที่ทางเดินหายใจส่วนบน (บริเวณหลอดลมและลำคอ) มากกว่าบริเวณปอด ทว่าเมื่อเชื้อลงปอดจะมี “อาการรุนแรง” ไม่ต่างจากเดลต้า
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวขยายความเพิ่มเติมว่า สำหรับอาการโอไมครอนแบ่งออกตามสัดส่วนได้ ดังนี้ กลุ่มไม่มีอาการถึงอาการน้อย 90% และกลุ่มอาการมาก 3-4%
โดยข้อมูลจากผู้ป่วยโอไมครอนที่รับการรักษาในไทยขณะนี้ราว 41 ราย อาการที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ ไอ 54% เจ็บคอ 37% ไข้ 29% ปวดกล้ามเนื้อ 15% มีน้ำมูก 12% ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% และไม่ได้กลิ่น 2%
“ปัจจุบันประเทศไทยยังให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยโควิด โดยผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวเมื่อรับยาตั้งแต่ต้นจะมีอาการดีขึ้นภายใน 24-72 ชม. ด้านยาตัวอื่น ๆ ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในไทย ซึ่งแพกซ์โลวิดของไฟเซอร์ที่มีการสั่งซื้อไปนั้น คาดว่าจะใช้ในไทยได้เร็วที่สุดราว ก.พ. ปี 65 โดยยังต้องผ่านการขึ้นทะเบียน อย. เสียก่อน”
สำหรับการคาดการณ์ฉากทัศน์การระบาดของโอไมครอนในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 หรือราว 3 เดือนข้างหน้านี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับขึ้นอยู่กับมาตรการการควบคุมโรคในประเทศ
โดยแบบจำลองที่ 1 (เส้นสีเทา) ในกรณีประชาชนให้ความร่วมมือมาตรการ UP น้อย ไม่มีการยกระดับการป้องกันเมื่อเกิดการรวมตัวของกลุ่มคน สถานประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการ VUCA ได้ และการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 2-3 ล้านโดส/สัปดาห์ จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในระดับสูง คาดว่าจะติดเชื้อสูงสุดถึง 3 หมื่นรายต่อวัน และเสียชีวิตที่ราว 170-180 ราย/วัน
ส่วนแบบจำลองที่ 2 (เส้นสีส้ม) ในกรณีมีมาตรการอยู่ในระดับปานกลาง กล่าวคือ ไม่ได้ยกระดับการป้องกันขึ้น แต่ประชาชนให้ความร่วมมือมาตรการ UP ดี และสถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ VUCA ได้ การฉีดวัคซีนเฉลี่ย 2-3 ล้านโดสต่อสัปดาห์ จะมีการติดเชื้อ 1.5-1.6 หมื่นรายต่อวัน และเสียชีวิต 100 ราย/วัน
ส่วนแบบจำลองที่ 3 (เส้นสีเขียว) มาตรการคุมเข้มสูงสุด ประชาชนให้ความร่วมมือมาตรการ UP เต็มกำลัง ลดการรวมกิจกรรมคนหมู่มาก สถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ VUCA ได้ ผับบาร์เปิดแต่ควบคุมได้ดี และการปูพรมวัคซีนเข็ม 1-4 ได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม จะติดเชื้อวัน 1 หมื่นรายต่อวัน และเสียชีวิต 50-60 ราย/วัน
โดยสิ่งที่ สธ. ตั้งเป้าคือการยกระดับการปฏิบัติตัวในแบบจำลองที่ 3 เพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อให้ไม่สูงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ระบบสาธารณสุขและเตียง รพ. ในประเทศรองรับไหว และอัตราผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สำหรับการรับมือ ปัจจุบันไทยมีเตียงรองรับได้ถึง 1.7 แสนเตียง จากเดิมช่วงติดเชื้อพีกสุดมีถึง 2 แสนเตียง โดยระดับเตียงแบ่งเป็นเตียงแดง 5 พันเตียง ใช้ไปแล้ว 31.6% เตียงเหลือง 6 หมื่นเตียง ใช้ไป 25.6% และเตียงเขียว 1.12 แสนเตียง ใช้ไป 6.4% และมีแนวโน้มเพิ่มได้อีกเรื่อย ๆ
ส่วนยารักษาโควิดที่สำรองในประเทศมียาฟาวิพิราเวียร์ 15 ล้านเม็ด และยา Demdesivir 100 mg 4.4 หมื่น (Vial) คาดว่าจะใช้ได้อีกราว 2 เดือน จากการใช้เฉลี่ย 1.8 แสนเม็ด/สัปดาห์ ประเมินได้ว่าทั้งเตียงและยายังเพียงพอไม่ถือว่าวิกฤต