สปสช. เร่งแก้สายด่วน 1330 ลดผู้ติดเชื้อโควิดตกค้าง

คอลเซ็นเตอร์ สายด่วน

สปสช.เร่งเพิ่มกำลังรับสาย 1330 แนะ 6 ชั่วโมง หากสถานพยาบาลยังไม่ติดต่อกลับ เพิ่มทางเลือกไปรับบริการแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ-ใกล้บ้านได้

วันที่ 4 มีนาคม 2565 ทพ. อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวในงานแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จำนวนมาก หลังจาก สปสช. ประชาสัมพันธ์ให้ลงทะเบียน สายด่วน 1330 ทำให้มีประชาชนติดต่อเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดกรุงเทพฯ

สปสช.จึงได้ปรับระบบสายด่วน 1330 เพิ่มคู่สาย 3,000 คู่สาย เพิ่มเจ้าหน้าที่รับสาย เพิ่มช่องทางลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์และไลน์ @nhso รวมถึงเพิ่มจิตอาสาเข้ามาช่วยตอบปัญหา จากเดิมที่มีผู้ป่วยตกค้างรอสายกว่าครึ่ง ขณะนี้เหลือที่คงค้างประมาณ 1 ใน 4 แต่เจ้าหน้าที่พยายามทะยอยโทรกลับ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอาการเข้ามาร่วมเพิ่มอีก 200 คู่สาย เชื่อว่าสถานการณ์ผู้ตกค้างจะลดลงเรื่อยๆ

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้เพิ่มบริการให้ผู้ป่วยอาการน้อยและไม่มีภาวะเสี่ยง สามารถเข้ารักษาในระบบผู้ป่วยนอกโดยสามารถติดต่อเข้ารับบริการที่หน่วยบริการตามสิทธิและสถานพยาบาลที่ร่วมในระบบได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และ ยังเปิดรับเจ้าหน้าที่จิตอาสา เข้ามาช่วยรับสายเพิ่มต่อเนื่อง โดยสมัครได้ผ่านเว็บไซต์ สปสช.

จากปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอทางเลือกเข้ารับการรักษา หลังจากตรวจ ATK มีผลเป็นบวก ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไม่มีอาการและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง สามารถไปรักษาผู้ป่วยนอกตามสิทธิ์ที่ถือได้ ทั้งนี้ แนะนำให้โทร.นัดหมายก่อน เพื่อเข้าระบบการรักษาแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ได้ และกลับมากักตัวที่บ้านอีก 7-10 วัน ตามที่แพทย์แนะนำ โดยแต่ละกองทุนสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น สปสช. สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง จะตามจ่ายให้กับผู้ป่วยตามสิทธิการรักษาที่มี

ประกอบด้วย สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ไปได้ที่หน่วยปฐมภูมิทุกที่ ไม่ใช้ใบส่งตัว หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, รพ.สต., หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น

ถัดมาคือ สิทธิประกันสังคม เข้ารับบริการ รพ.ตามสิทธิที่ลงทะเบียนหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม., รพ.สต. ฯลฯ

และ สิทธิข้าราชการ ไป รพ.หรือสถานพยาบาลภาครัฐ

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือประชาชนที่ตรวจ ATK 2 ครั้งแล้วขึ้น 2 ขีด นั้น หากท่านเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ได้แก่ 1. กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 2. กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และ 3. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป กลุ่มนี้ให้โทร.มาที่ สายด่วน 1330 กด 14 เพื่อประเมินอาการเบื้องต้นและเข้ารักษาตามระบบต่อไป เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง

แต่หากไม่ใช่กลุ่ม 608 และไม่มีอาการ-อาการเล็กน้อย รักษาตามอาการและกักตัวอยู่ที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งภาครัฐหรือ โทร.1330 ทุกราย เนื่องจากรักษาตามอาการได้ตามแนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เช่นกัน แต่หากต้องการรักษาตามแนวทางเจอ แจก จบ ของกระทรวงสาธารณสุข สามารถไปสถานพยาบาลตามสิทธิ-ใกล้บ้านได้เช่นกัน แนะนำโทร.นัดหมายก่อน