บีเจซี ทุ่ม 1.5 หมื่นล้าน ส่ง “บิ๊กซี-ร้านโดนใจ” ปูพรมค้าปลีกเมืองไทย

บีเจซี กางแผนปี’65 ทุ่ม 1.5 หมื่นล้าน ส่ง “บิ๊กซี” ลุยปูพรมไทย-ลาว กัมพูชา พร้อมเดินหน้าศึกษา 2 โมเดลใหม่ “ร้านโดนใจ-MM Food Service” เร่งปักธงเจาะร้านโชว์ห่วย และโฮเรก้าทั่วไทย หลังนำร่องกระแสตอบรับดีต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีปั้นยอดโตเพิ่ม 2 หลัก

วันที่ 8 มีนาคม 2565 นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศไทยในช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา มีการเติบโตค่อนข้างดี จนถึงช่วงเดือน ก.พ. ที่สถานการณ์ความไม่แน่นอนภายนอกส่งผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่พอมาเดือนมี.ค. เริ่มเห็นการชะลอตัว ส่วนสำคัญมาจากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อเป็นอย่างมาก

“สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานและต้นทุนน้ำมัน ที่อาจส่งผลกระทบไปยังไตรมาส 2 แต่หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้ออาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากนัก แต่หากยืดเยื้อจะมีผลต่อธุรกิจหลายด้าน”

โดยในส่วนของบีเจซีเองได้รับผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตขวดแก้วของบริษัท แต่บริษัทก็ได้มีการส่งต่อราคาต้นทุนที่สูงขึ้นไปกับราคาขายขวดแก้วตั้งแต่ตอนทำสัญญากับลูกค้าไว้แล้ว ทำให้ยังสามารถขายขวดแก้วได้ในระดับราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้

ขณะที่ในกลุ่มของธุรกิจการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคอื่นส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ยังคงมีการเตรียมความพร้อมเรื่องต้นทุนการขนส่ง โดยมีการพร้อมในด้านราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีจากราคาต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นน่าจะกระทบชัดเจนในช่วงปลายเดือนมีนาคม 65 เป็นต้นไป หรือราวช่วงไตรมาส 2

“ในส่วนการขนส่งของบริษัทนับจากนี้ หากราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น บริษัทอาจจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยน รถส่งสินค้าในเครือที่มีอยู่หลายพันคันเป็นรถไฟฟ้า พร้อมทั้งมีการจัดทำสถานีชาร์ตเพิ่มเติมเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว”

สำหรับในปี 2565 นี้บริษัทได้วางกรอบการลงทุนไว้ราว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท โดยงบประมาณ 70% จะถูกนำไปลงทุนในการขยายสาขาของบิ๊กซีเป็นหลัก พร้อมกับการลงทุนปรับพื้นที่จอดรถบางส่วนมารองรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

โดยแผนการขยายสาขาของบิ๊กซีในปี 2565 นี้ แบ่งเป็น สาขาBig C รูปแบบ Hyper Market 2-3 สาขาในไทย ลาว และกัมพูชา, Big C Food Place ขยายเพิ่มอีก 5 สาขา, Big C mini จะเปิดสาขาใหม่ในไทย 150-300 สาขา และกัมพูชาอีก 50 สาขา ซึ่งจะทำให้ สิ้นปี 2565 จะมีสาขาของ Big C ทั้งสิ้น 1,713 สาขา จากปีก่อนที่ 1,572 สาขา ส่วนร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ปีนี้จะเปิดสาขาร้าน Pure 7 สาขา และ SiriPharma อีก 2 สาขา หลังจากปีก่อนเปิดไปแล้ว 1 สาขาที่พรานนก

ขณะที่ในส่วนของร้านโดนใจ โมเดลใหม่ที่บิ๊กซีจะเข้าไปช่วยปรับปรุงร้านค้า โดยเปิดโอกาสให้เจ้าของร้านดั้งเดิมได้ปรับปรุงร้านให้มีความทันสมัยขึ้น บริษัทก็อยู่ระหว่างการเดินหน้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของการ ขยายพันธมิตร ขยายสาขาต่อเนื่อง เพราะร้านค้าแบบดั้งเดิมในไทยมีหลายแสนร้านค้าทำให้มีโอกาสทางการเติบโตอีกมาก โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วม 326 ร้านค้า

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งโมเดลคือ MM Food Service เป็นรูปแบบการค้าส่งรูปแบบใหม่ที่เจาะกลุ่มลูกค้า HoReCa กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ 6,000 SKU ส่วนใหญ่อยู่ในอาหารสดและอาหารแห้ง โดยปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 2 สาขาในกรุงเทพ โดยเป็นการดัดแปลงมาจาก บี๊กซีมาร์เก็ต ก็มีการศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อขยายสาขาเนื่อง

อย่างไรก็ตามผลประกอบการกลุ่ม BJC ในปี2564 ที่ผ่านมา ปิดที่ 138,465 ล้านบาท ติดลบ 4.3% เนื่องจากผลกระทบด้านลบจากการระบาดใหญ่ของโควิดโดยกลุ่ม BJC คาดการณ์ว่าปี 2565 นี้จะกลับมามีรายได้เติบโต 2 หลัก