แคนนอนเผยดีมานด์กล้องไฮบริดถ่ายทั้งภาพนิ่ง-วิดีโอมาแรง หลังสภาพเศรษฐกิจ-กำลังซื้อทำช่างภาพต้องเลือกมีกล้องตัวเดียว ลุยส่ง EOS R5C ลงตลาดรับดีมานด์ ชูถ่ายวิดีโอ 8K 60p ไม่จำกัดเวลา พร้อมฟังก์ชั่นภาพนิ่งครบครัน หวังชิงฐานทั้งช่างภาพสื่อ คอนเทนต์ครีเอเตอร์
นายรักษ์พงษ์ ชลัษเฐียร ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดกล้องดิจิทัลที่สามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ในตัวเดียว หรือกลุ่มกล้องไฮบริด เป็นกลุ่มที่มีดีมานด์เข้ามาค่อนข้างมาก และเป็นเซ็กเมนต์ที่กำลังขยายตัว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
และยังเป็นช่องว่างของตลาดที่ยังไม่มีผู้เล่นรายได้ส่งสินค้าเข้ามาตอบโจทย์ ทั้งนี้เป็นผลจากกระแสความต้องการรับชมและใช้งานคอนเทนต์วิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ก่อนหน้านี้เซ็กเมนต์กล้องถ่ายวิดีโอขยายตัวต่อเนื่อง
แต่การระบาดของโรคโควิด-19 กระทบสภาพเศรษฐกิจ-กำลังซื้อ ทำให้หน่วยงานรัฐ-เอกชน รวมถึงผู้ผลิตคอนเทนต์อิสระไม่มีกำลังพอที่จะลงทุนซื้อกล้องถ่ายวิดีโอแบบเฉพาะทาง หรือตั้งทีมถ่ายวิดีโอเพิ่มได้จึงต้องอาศัยต่อยอดทีมภาพนิ่งเดิมแทน
“ตอนนี้กลุ่มช่างภาพที่ถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอในคน-ทีมเดียวเพิ่มจำนวนขึ้น แต่ก็เกิดความลำบากในการตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์เพราะการลงทุนซื้อกล้อง 2 ตัวนั้นยากมากขึ้น จึงต้องการกล้องที่ตอบโจทย์ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในตัวเดียวแทน”
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวเชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวหลังการเปลี่ยนให้โรคโควิดเป็นโรคประจำถิ่นและมาตรการต่าง ๆ ผ่อนคลายลง ซึ่งจะทำให้การถ่ายภาพท่องเที่ยว รวมถึงงานถ่ายภาพในโอกาสต่าง ๆ เช่น งานแต่ง งานรับปริญญา ฯลฯ กลับมาอีกครั้ง
นายรักษ์พงษ์กล่าวต่อไปว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและอุดช่องว่างของตลาดในปัจจุบัน บริษัทจึงเปิดตัวกล้อง EOS R5 C ซึ่งเป็นกล้องดิจิทัลแบบไร้กระจก (มิรอร์เลส) ที่ออกแบบให้มีความสามารถแบบไฮบริดตอบโจทย์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอในเครื่องเดียว
ด้วยฟังก์ชั่นเด่น อาทิ การถ่ายวิดีโอ ความละเอียดสูงสุด 8K 60p, 4K 120p สามารถถ่ายต่อเนื่องแบบไม่จำกัดเวลาโดยไม่มีปัญหาความร้อนเนื่องจากติดตั้งพัดลมระบายความร้อนในตัว
รวมถึงออกแบบเมนูใหม่สำหรับงานวิดีโอโดยเฉพาะ ส่วนการถ่ายภาพนิ่งความสามารถเทียบเท่า EOS R5 ที่ออกมาก่อนหน้า เช่น ถ่ายภาพความละเอียด 45 ล้านพิกเซลต่อเนื่อง 20 ภาพต่อวินาทีและอื่น ๆ
โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มช่างภาพงานต่าง ๆ สื่อในงานข่าว-สารคดี ผู้สร้างคอนเทนต์ทั้งภาพนิ่ง วิดีโอ ไปจนถึงเวอร์ชวลเรียลิตี้ หรือวีอาร์ ตามเทรนด์เมตาเวิร์ส
ด้วยการวางราคาเฉพาะกล้องไม่รวมเลนส์ที่ 159,900 บาทพร้อมเสริมด้วยโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเช่น หากสั่งจองภายใน 31 มีนาคม 2565จะได้รับการ์ดหน่วยความจำและเครื่องอ่านการ์ด มูลค่ากว่า 2.5 หมื่นบาท
และหากซื้อภายใน 30 เมษายน 2565 จะได้รับส่วนลด 35% สำหรับแลกซื้ออะแดปเตอร์แปลงเลนส์ และส่วนลด 4 พันบาทเมื่อซื้อเลนส์รุ่นที่ร่วมรายการ เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการทำงานภาพนิ่งและวิดีโอได้แน่นอน
“กล้องรุ่นนี้ออกมาเพื่อให้แคนนอนสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ในขณะที่ไม่แข่งขันกันเองกับกล้องรุ่นอื่นของบริษัทอย่าง EOS C70 ที่เน้นวิดีโอเต็มที่ และ EOS R5 ซึ่งเน้นภาพนิ่ง เนื่องจากมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันอยู่ อีกทั้งช่วยให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่ากล้องที่ตนซื้อไปก่อนแล้วจะไม่ตกรุ่น” นายรักษ์พงษ์กล่าว