ซีเอ็มโอรุกหนักไตรมาส 2 จัดงานอีเวนต์-เอ็นเตอร์เทนเมนต์เต็มรูปแบบ ปั้นโปรเจ็กต์ experience brand ก่อนเตรียม 5 คอนเสิร์ตเฟสติวัลจากเกาหลี คาดมูลค่างานกว่า 450 ล้าน เผยสเต็ปถัดไปเตรียมออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT ใช้สำหรับเข้าชมคอนเสิร์ต
นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเดิมบริษัทเป็น event organizer มีกลุ่มลูกค้าทั้งบีทูบีและบีทูซี จากนี้ได้นิยามองค์กรใหม่ภายใต้โครงสร้าง 5E ประกอบด้วย ธุรกิจหลักอีเวนต์กับ equipment
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ซึ่งถือเป็นฐานรายได้หลัก ถัดมาคือกลุ่มธุรกิจใหม่ได้แก่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จะเข้ามาเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับบริษัท รวมไปถึงธุรกิจ equipment ที่ต้องการยกระดับอุปกรณ์แสง เสียง ภาพให้ครอบคลุมทุกรูปแบบกิจกรรม ตั้งแต่อีเวนต์ สตูดิโอ และคอนเสิร์ตระดับโลกด้วยการร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2-3 ปี 2565 บริษัทมีแผนที่จะจัดงานทั้งในส่วนของอีเวนต์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการจัดงานด้าน international performance marketing
ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า Hook ในเดือนมิถุนายน โดยภายในงานดังกล่าวจะเป็นการรวบรวม speaker ชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาให้ความรู้ทางด้าน performance marketing คือ การตลาดในเชิงผลประกอบการและโอกาสทางการตลาดแบบ win-win
สำหรับผู้ค้าปลีกหรือผู้ขายผ่านเนื้อหากว่า 40 คอนเทนต์
มีระยะเวลาจัดงาน 3 วัน ถัดมาในเดือนกรกฎาคมเตรียมจัดงานที่เรียกว่าเป็น festival finance เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Gen Z ภายใต้แบรนด์ Finz ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของงานเฟสติวัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีแผนงานนำประสบการณ์อีเวนต์ (experience event) ในหลายรูปแบบเข้ามาเปิดตลาดและสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการอีเวนต์ หลังจากต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19 มานานถึง 2 ปี
คาดว่าหลังจากนี้จะเห็นรูปแบบการจัดงานบนประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อสร้างงานระดับ world-class experience ในประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และ scale up เพื่อส่งออกแบรนด์ได้ในอนาคต
นายอริยะกล่าวต่อไปว่า นอกจากงานอีเวนต์แล้วบริษัทเตรียมจัดงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทางด้านคอนเสิร์ตจากศิลปินดังฝั่งเกาหลีอีก 5 คอนเสิร์ตตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม คาดการณ์ว่าจะได้รับความสนใจจากแฟนเพลงชาวไทยเป็นอย่างดีหลังจากที่ห่างหายไปนานกับไลฟ์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ
“โปรเจ็กต์ทั้งหมดนี้คาดว่าจะมีมูลค่างานรวมกันราว ๆ 450 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% หลัก ๆ มาจากงานอีเวนต์, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ equipment”
สเต็ปถัดไปยังเตรียมออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT เพื่อใช้สำหรับการเข้าชมคอนเสิร์ต โดยอยู่ระหว่างการวางแผนงานเพื่อสร้างความเป็น experience-tech creator โดยบริษัทได้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในบริษัท tech ต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอีเวนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพื่อลงทุนในบริษัทดังกล่าว และเพื่อสร้างความเป็นผู้นำทางด้าน tech ต่อไป