‘ซีเอ็มโอ’ ปั้นงานอีเวนต์-บันเทิง ไตรมาส 2 สร้างเม็ดเงิน 450 ล้าน

ซีเอ็มโอรุกหนักไตรมาส 2 จัดงานอีเวนต์-เอ็นเตอร์เทนเมนต์เต็มรูปแบบ ปั้นโปรเจ็กต์ experience brand ก่อนเตรียม 5 คอนเสิร์ตเฟสติวัลจากเกาหลี คาดมูลค่างานกว่า 450 ล้าน เผยสเต็ปถัดไปเตรียมออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT ใช้สำหรับเข้าชมคอนเสิร์ต

นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเดิมบริษัทเป็น event organizer มีกลุ่มลูกค้าทั้งบีทูบีและบีทูซี จากนี้ได้นิยามองค์กรใหม่ภายใต้โครงสร้าง 5E ประกอบด้วย ธุรกิจหลักอีเวนต์กับ equipment

ซึ่งถือเป็นฐานรายได้หลัก ถัดมาคือกลุ่มธุรกิจใหม่ได้แก่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จะเข้ามาเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับบริษัท รวมไปถึงธุรกิจ equipment ที่ต้องการยกระดับอุปกรณ์แสง เสียง ภาพให้ครอบคลุมทุกรูปแบบกิจกรรม ตั้งแต่อีเวนต์ สตูดิโอ และคอนเสิร์ตระดับโลกด้วยการร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2-3 ปี 2565 บริษัทมีแผนที่จะจัดงานทั้งในส่วนของอีเวนต์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการจัดงานด้าน international performance marketing

ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า Hook ในเดือนมิถุนายน โดยภายในงานดังกล่าวจะเป็นการรวบรวม speaker ชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาให้ความรู้ทางด้าน performance marketing คือ การตลาดในเชิงผลประกอบการและโอกาสทางการตลาดแบบ win-win

สำหรับผู้ค้าปลีกหรือผู้ขายผ่านเนื้อหากว่า 40 คอนเทนต์
มีระยะเวลาจัดงาน 3 วัน ถัดมาในเดือนกรกฎาคมเตรียมจัดงานที่เรียกว่าเป็น festival finance เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Gen Z ภายใต้แบรนด์ Finz ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของงานเฟสติวัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีแผนงานนำประสบการณ์อีเวนต์ (experience event) ในหลายรูปแบบเข้ามาเปิดตลาดและสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการอีเวนต์ หลังจากต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19 มานานถึง 2 ปี

คาดว่าหลังจากนี้จะเห็นรูปแบบการจัดงานบนประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจเพื่อสร้างงานระดับ world-class experience ในประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และ scale up เพื่อส่งออกแบรนด์ได้ในอนาคต

นายอริยะกล่าวต่อไปว่า นอกจากงานอีเวนต์แล้วบริษัทเตรียมจัดงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทางด้านคอนเสิร์ตจากศิลปินดังฝั่งเกาหลีอีก 5 คอนเสิร์ตตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม คาดการณ์ว่าจะได้รับความสนใจจากแฟนเพลงชาวไทยเป็นอย่างดีหลังจากที่ห่างหายไปนานกับไลฟ์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ

“โปรเจ็กต์ทั้งหมดนี้คาดว่าจะมีมูลค่างานรวมกันราว ๆ 450 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% หลัก ๆ มาจากงานอีเวนต์, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ equipment”

สเต็ปถัดไปยังเตรียมออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT เพื่อใช้สำหรับการเข้าชมคอนเสิร์ต โดยอยู่ระหว่างการวางแผนงานเพื่อสร้างความเป็น experience-tech creator โดยบริษัทได้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในบริษัท tech ต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอีเวนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพื่อลงทุนในบริษัทดังกล่าว และเพื่อสร้างความเป็นผู้นำทางด้าน tech ต่อไป