3 เดือนยอดแป้ก ธุรกิจกุมขมับ ของแพงทุบซ้ำกำลังซื้อ-โอกาสฟื้นยาก

สินค้า

อาการน่าเป็นห่วง ! ธุรกิจบ่นอุบ 3 เดือนแรกยอดขายสุดอืด ค้าปลีกทั่วทิศประสานเสียงตัวเลขร่วงระนาว พิษกำลังซื้อดำดิ่ง-ผู้บริโภคชะลอจับจ่าย หวั่นของแพง-เงินเฟ้อ ทุบซ้ำ แนะรัฐอัดงบฯกระตุ้นจับจ่าย

“สหพัฒน์” ชี้ ก.พ.สินค้าอุปโภคบริโภค ติดลบกว่า 6% แถมเจอต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง-ของขาดขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้ายอมรับสภาพดีมานด์ลดทั้งตลาด ก.พ.-มี.ค.แผ่วหนัก

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกช่วงไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมาลดลง 10-12% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/2564 โดยในส่วนของค้าปลีกในตลาดต่างจังหวัด หรือห้างภูธร

แม้จะมียอดขายที่ดีและสามารถเติบโตได้ในระดับหนึ่งในช่วงปลายปี 2564 จากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ในปีนี้มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงไปเช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ในภาคกลาง ที่มีอัตราการเติบโตยังคงทรงตัว

เนื่องจากไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการการกระตุ้นการจับจ่ายของรัฐบาลมากนัก ซึ่งในภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มียอดลดลงดังกล่าว ปัจจัยหลักมาจากปัญหากำลังซื้อผู้บริโภคลดลงและชะลอการจับจ่าย

ค้าปลีกโอดยอดขายสะดุด

แหล่งข่าวรายนี้ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมายอดขายของโครงการคนละครึ่งในภาคค้าปลีกมีสัดส่วน 20% ของมูลค่าทั้งหมด แต่พอมาตรการนี้สิ้นสุดลงก็เท่ากับว่าตัวเลขเม็ดเงินก็จะหายไปจากระบบ 20% เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนว่าการมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในแต่ละครั้งแต่ละเฟสสามารถช่วยปลุกกำลังซื้อและทำให้มีเม็ดเงินสะพัดได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจยังมีปัญหา

โดยเฉพาะค่าครองชีพต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้มีเท่าเดิมหรือลดลง รวมทั้งปัจจัยภายนอก ปัญหาสงคราม ราคาน้ำมัน ฯลฯ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ภาครัฐควรจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพื่อปลุกกำลังซื้ออีกครั้ง

“ขณะนี้แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเปิดประเทศ และเริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลต่อบรรยากาศให้ดูคึกคักและมีสีสันมากขึ้นแต่ปัจจัยลบในเรื่องของผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

ค่าครองชีพสูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อจะยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ภาพรวมกำลังซื้อในช่วงไตรมาส 2/2565 ยังชะลอตัว ธุรกิจการค้ายังเหนื่อยและไม่ง่ายที่จะฟื้นตัว”

สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่อีกรายหนึ่งที่แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ภาพรวมของยอดขายสินค้าต่าง ๆโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวและมีตัวเลขที่ลดลง

จากช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ยอดขายร่วง 10% ผลจากกำลังซื้อในภาพรวมที่ยังเป็นปัญหา โครงการคนละครึ่งสิ้นสุดลง ประกอบกับที่ผ่านมาสินค้าหลาย ๆ อย่างได้มีการปรับขึ้นราคาจากปัญหาต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา

และผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายจากค่าครองชีพต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น และซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเนื่องจากกำลังซื้อหรือรายได้ที่ลดลง

สินค้าอุปโภคบริโภคติดลบ

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ระบุว่า ช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ที่ผ่านมา สินค้าอุปโภคบริโภคในภาพรวมมียอดขายค่อนข้างทรงตัว

แต่ที่กระทบหนักคือเดือนกุมภาพันธ์ตลาดติดลบกว่า 6% ที่ตกมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าเพอร์ซันนอลแคร์และเคมิคอลหลังจากไตรมาส 1 เป็นต้นไปประเมินว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะติดลบไปเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาวัตถุดิบที่มีราคาเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้วัตถุดิบหลาย ๆ อย่างก็เริ่มขาดแคลนและไม่มี

“ปัญหาหลาย ๆ อย่างประกอบกัน และตอนนี้โรงงานหลาย ๆ แห่งก็มีปัญหาเรื่องการผลิตที่ไม่สามารถทำได้เต็มที่ ติด ๆ ขัด ๆ เนื่องจากพนักงานติดโควิดสำหรับสหพัฒน์ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง

และเน้นการบริหารจัดการด้านการทำตลาดเข้ามาช่วย หรือสินค้ากลุ่มไหนที่มีการแข่งขันสูงก็ต้องจัดโปรโมชั่นแรง 1 แถม 1 แต่ตอนนี้จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ต้องลดโปรโมชั่นลงเพื่อให้พออยู่ได้

“เรากำลังวิเคราะห์อยู่ว่าสาเหตุหลักมาจากอะไร ในที่สุดต้องมองไปที่เรื่องกำลังซื้อ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบขึ้นราคา ทำให้กลุ่มสินค้าไม่มีการจัดโปรโมชั่นแรง ๆ หรือลดความถี่ในการทำโปรโมชั่นลงนอกจากนี้

ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนหรือผู้บริโภคทั่ว ๆ ไปไม่ซื้อสินค้าในปริมาณมากเหมือนเมื่อก่อน ซื้อเฉพาะของใช้ที่จำเป็น”

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าขนมขบเคี้ยวรายใหญ่ อาทิ เจเล่, เบนโตะ, ขนมขาไก่โลตัส, ช็อคกี้เวเฟอร์ เป็นต้น

ยอมรับว่าช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงค่อนข้างชัดเจน เป็นผลจากงบประมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงที่มีมาตรการคนละครึ่งสามารถช่วยกระตุ้นยอดกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวให้เติบโตได้มาก ร้านค้าในต่างจังหวัดสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

หลังจากมาตรการหมดลงผู้ประกอบการทุกค่ายต่างต้องพยายามจัดโปรโมชั่นในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพบว่าจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าหลาย ๆ อย่างมีการปรับขึ้นราคา

แต่เงินในกระเป๋าเท่าเดิม ทำให้ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าจำเป็นเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวคาดหวังว่าจากนโยบายการเปิดประเทศที่เพิ่งเริ่มไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่น โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวรวมทั้งเศรษฐกิจในภาพรวมค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาในระยะถัดไป

โดยในส่วนของศรีนานาพรเองได้มีการปรับกลยุุทธ์ทางการตลาด ช่องทางการจำหน่าย รวมถึงสินค้า ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 ฟื้นตัว และมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงตลาดส่งออกในเวียดนามเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ภาพรวมตลอดช่วงในไตรมาส 1 /2565 ยังมีการเติบโตตามเป้าที่วางไว้
และมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังปี 2564 ที่ผ่านมามีรายได้จากการขาย 4,277 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือ 366 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท

เครื่องใช้ไฟฟ้าดีมานด์ลด

นายอำนาจ สิงห์จันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในเรื่องนี้ว่า จากการติดตามภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่าดีมานด์ลดลงทั้งตลาดแม้เดือนมกราคมตลาดคึกคักมากกว่าที่คาด

แต่เริ่มแผ่วลงในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ต่อเนื่องจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากการระบาดของโอมิครอน และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์สงคราม ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการเดินทางและการจับจ่ายในห้าง-งานแฟร์ต่าง ๆ

เช่นเดียวกับนายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กแบรนด์ “สมาร์ทโฮม” กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า บรรยากาศการจับจ่ายช่วงไตรมาสแรกลดลงมากจากหลายปัจจัย ทั้งในแง่รายได้ที่ลดลง

แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ที่มีการปรับขึ้นราคามาเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์โรคระบาดที่ยาวนาน รวมไปถึงสงครามในยุโรปซึ่งกระทบการท่องเที่ยวและส่งออก ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะจับจ่ายแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้ การกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแบบเต็มรูปแบบส่งผลให้หลาย ๆ ช่องทางยอดขายตกลงไป เช่น ทีวีโฮมช้อปปิ้ง, ออนไลน์, สินค้าแค็ตตาล็อก และการใช้ชีวิตในบ้านลดลง ความต้องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภท เช่น บาร์บีคิว, หม้อสุกี้ จึงลดลงด้วย

“บริษัทยังมีแผนจะส่งสินค้าใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เช่น เครื่องชงกาแฟ, เครื่องทำน้ำแข็ง, ตู้แช่, เครื่องปรับอากาศ รวมทั้งจะมีการจัดโปรโมชั่นและของแถมเพื่อจูงใจลูกค้าโดยเฉพาะกับช่องทางออฟไลน์”