โตชิบา หวนคืนสังเวียนทีวี ทุ่มฟื้นแบรนด์ชิง 3 หมื่นล้าน

โตชิบา

“โตชิบาทีวี” หวนรุกตลาดทีวี 3 หมื่นล้าน อัดงบฯระดมกิจกรรม-สื่อสารฟื้นรับรู้แบรนด์ ชูไฮไลต์กิจกรรมลุ้นดูบอลโลก 2022 พร้อมเดินหน้าขยายไลน์อัพ-เพิ่มร้านค้าทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 330 ล้าน ก่อนคืบชิงส่วนแบ่งตลาด 10% ใน 5 ปี

นายเจสัน ซู ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานปฏิบัติการต่างประเทศ บริษัท TVS REGZA ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ตลาดทีวีในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว จากสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลาย และการแข่งขันฟุตบอลโลกในช่วงปลายปีนี้ ทำให้มีโอกาสเติบโตระดับเลขหนึ่งหลัก ซึ่งแม้ไม่สูงนัก แต่นับเป็นสัญญาณที่ดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา

โดยสมาร์ททีวีเป็นเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพ สะท้อนจากเทรนด์การรับชมคอนเทนต์ผ่านบริการสตรีมมิ่ง ซึ่งในยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์ มีผู้ใช้งานด้านนี้สูงถึง 50% ของผู้ใช้ทีวีทั้งหมด

ADVERTISMENT

แต่ในไทยยังมีผู้ใช้งานด้านนี้เพียง 25% จึงยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ขณะเดียวกันยังมีแรงหนุนจากนโยบายการเปิดประเทศและการกำหนดให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในปีนี้รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทยอยฟื้นตัว ซึ่งจะผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและดีมานด์ทีวีให้สูงขึ้น

ปัจจัยหนุนเหล่านี้ทำให้บริษัทตัดสินใจทุ่มงบฯไม่น้อยกว่า 5% ของยอดขาย 330 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ผ่านมา เร่งเครื่องทำตลาดทีวีในไทยอย่างเต็มที่อีกครั้ง หลังชะลอไปตั้งแต่ปี 2559-2563

เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการให้สิทธิทำตลาดทีวีกับแบรนด์พันธมิตร ก่อนจะหวนกลับมาทำการตลาดด้วยตัวเองในเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ภายใต้บริษัท TVS REGZA Corporation หรือชื่อเดิม Toshiba Visual Solutions Corporation

ADVERTISMENT

โดยจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าว บริษัทดังกล่าวถือหุ้นโดยไฮเซ่นส์ วิชวล เทคโนโลยี ในสัดส่วน 95% และโตชิบา คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 5%

นายพงษ์เทพ ศิริสกุลเวโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกขายผลิตภัณฑ์ทีวี ประจำ TVS REGZA Corporation Thailand Office กล่าวถึงแผนการทำตลาดในไทยว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้จะมุ่งฟื้นการรับรู้แบรนด์ “โตชิบาทีวี” และ REGZA ที่เแบรนด์ของสินค้าทีวี ให้กลับมาเป็นที่รู้จักและเชื่อมั่นของผู้บริโภคอีกครั้ง

ADVERTISMENT

โดยวางโพซิชั่นแบรนด์อยู่ในระดับกลาง-บน เช่นเดียวกับโซนี่และซัมซุง โดยในการสร้างการรับรู้จะมีไฮไลต์เป็นแคมเปญลุ้นสิทธิชมฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อมียอดซื้อครบตามที่กำหนด ซึ่งอาศัยการต่อยอดจากการที่ไฮเซ่นส์ฯเป็นสปอนเซอร์รายหลักของการแข่งขัน

ร่วมกับการสื่อสารครบวงจร ทั้งอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวเวอร์ รวมถึงกิจกรรมร่วมกับร้านค้า เน้นย้ำด้านคุณภาพและเทคโนโลยี ด้านภาพและเสียงรวมถึงสมาร์ทฟังก์ชั่นและการเล่นเกม เช่น การเพิ่มคุณภาพด้วยเอไอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคปัจจุบันใช้เลือกซื้อทีวี

พร้อมกับเพิ่มจำนวนรุ่นสินค้าขึ้นเท่าตัวจาก 4 ซีรีส์เป็น 8 ซีรีส์ เพิ่มซีรีส์ระดับท็อป XP990LP ที่เป็นหน้าจอแบบโอแอลอีดี ซึ่งจะประกาศราคาภายหลัง และซีรีส์ระดับเริ่มต้น S25 ซึ่งเป็นดิจิทัลทีวีธรรมดา ราคาเริ่มต้น 8.9 พันบาท รวมถึงมีรุ่นสำหรับจำหน่ายงานออนไลน์โดยเฉพาะอีกด้วย

เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น ทั้งนี้คาดว่าไลน์อัพปี 2565 จะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกันยังเร่งขยายช่องทางจำหน่ายจาก 15 ร้านค้า เป็นมากกว่า 100 ร้านค้า อาทิ เพาเวอร์มอลล์ เพาเวอร์บาย ไทวัสดุ โลตัส บิ๊กซี และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทั้งลาซาด้า ช้อปปี้ เน้นร้านที่มีศักยภาพ สามารถสร้างยอดขาย 4-5 แสนบาทต่อเดือนได้

ผู้จัดการอาวุโสแผนกขายผลิตภัณฑ์ทีวี กล่าวต่อไปว่า ในปีแรกของการกลับมาทำตลาดเต็มที่นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 330 ล้านบาท และในระยะ 5 ปีจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันที่มีต่ำกว่า 1% เล็กน้อย

ซึ่งจากปัจจัยบวกในปีนี้ การขยายไลน์อัพสินค้าและจำนวนร้านค้า รวมถึงความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นที่สามารถครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในตลาดทีวีได้ จึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าได้แน่นอน