
กรมควบคุมโรคเผยผลตรวจ 13 ผู้ป่วยสงสัย ไม่ใช่ฝีดาษลิง พบเพียงเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus) เท่านั้น
วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) ทั่วโลกขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2565) จำนวนผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 6,178 ราย พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 56 ประเทศ
- เตือน 10 จังหวัด เตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูง รับมือสถานการณ์น้ำ
- ส่องประวัติ ไทยน้ำทิพย์-หาดทิพย์ ผู้ขายโค้กในไทย ทำไมรายได้ต่างกัน
- กองทุนชราภาพ เป็นสิ่งที่คนมีประกันสังคมควรรู้จัก
พื้นที่การแพร่ระบาดส่วนใหญ่พบอยู่ในแถบทวีปยุโรป ประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ สเปน 1,196 ราย อังกฤษ 1,185 ราย เยอรมนี 1,054 ราย ฝรั่งเศส 498 ราย และสหรัฐอเมริกา 459 ราย 99% เป็นผู้ป่วยเพศชาย
ส่วนในประเทศไทยมีผู้ป่วยสงสัย 13 ราย ผู้สัมผัส 3 ราย โดยผู้สัมผัสทั้ง 3 ราย ครบกำหนดการติดตามแล้วไม่มีอาการ
ส่วนผลตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยสงสัยทั้ง 13 ราย ไม่พบเชื้อฝีดาษวานร แต่เป็นการพบเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus)
อย่างไรก็ตาม ได้มีระบบการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่รับรักษาในโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะ ซึ่งจากการเฝ้าระวังยังไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันในประเทศไทย
รวมถึงเน้นย้ำการป้องกันโรคฝีดาษวานร ดังนี้
1) หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หรือคนพลุกพล่าน เช่น สนามมวย โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย ตลาด ห้างสรรพสินค้า และขอให้มีการทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วม เช่น กระสอบทรายซ้อมมวยในโรงยิม
2) เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
3) หากผู้ที่มีอาการสงสัย สามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจเชื้อด้วยวิธีการ RT-PCR ได้ทันที และในการตรวจวินิจฉัยเชื้อทำได้โดยการเก็บตัวอย่าง ทั้งการสะกิดแผล เลือด ป้ายหลังโพรงจมูกและป้ายลำคอ และนำมาถอดรหัสสารพันธุกรรม ซึ่งผลตรวจจะออกภายใน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้โรคฝีดาษวานรที่แพร่ระบาดอยู่ในแถบทวีปยุโรปในขณะนี้นั้น มีความรุนแรงน้อย มีเพียงร้อยละ 10 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
ส่วนใหญ่เป็นการติดต่อจากคนสู่คน โดยการใกล้ชิดกับผู้ป่วยและสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน หรืออาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย
จากนั้น 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา จะมีอาการป่วยประมาณ 2-4 สัปดาห์
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้