ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง ขน 5 แบรนด์ใหม่เติมพอร์ต ประเดิมหนองโพ ส.ค.นี้

นายสุรช ผู้บริหารล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง

ล็อกซเล่ย์ เดินหน้าปิดดีลเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหาร-เครื่องดื่มใหม่อีก 5 แบรนด์ เริ่มด้วยหนองโพ ส.ค.นี้ มั่นใจดีมานด์อาหาร-เครื่องดื่มยังแกร่ง หนุนแผนเติบโต 30% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 นี้เป็นต้นไป จะเร่งสปีดขยายธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าของล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง ซึ่งปัจจุบันเป็นตัวแทนจำหน่าย น้ำมันพืชกุ๊ก ถั่วกรีนนัท และน้ำปลาตราตาชั่ง ด้วยการดึงแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเป็นคู่ค้าเพื่อเสริมทัพสินค้าในพอร์ตโฟลิโออีกอย่างน้อย 5 แบรนด์ ตามเป้าหมายสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2566

เชื่อดีมานด์อาหาร-เครื่องดื่มยังแกร่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่าแม้เผชิญปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มระดับแมสถึงกลางจะยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง ทั้งจากเทรนด์การทำอาหารเองที่บ้านที่ต่อเนื่องมาจากช่วงล็อกดาวน์ และพื้นฐานการเป็นสินค้าจำเป็นของครัวเรือนไทย เห็นได้จากยอดขายน้ำมันพืชกุ๊กที่เติบโตได้ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีโรคระบาดและถือเป็นตลาดที่อิ่มตัวแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกันสินค้าหลายกลุ่ม เช่น นม เครื่องปรุง ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ต่างมีตลาดขนาดใหญ่มาก ทำให้มีช่องทางเติบโตด้วยการชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้อีกมาก

รวมถึงบริษัทจะหนุนด้วยระบบกระจายสินค้าที่อัพเกรดใหม่ เช่น การติดตามข้อมูลการขายในแต่ละช่องทาง และนำข้อมูลมาคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสม เป็นต้น รวมถึงเครือข่ายร้านค้าปลีก-ส่งกว่า 4 หมื่นร้านค้า ซึ่งที่ผ่านมาสามารถผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตจาก 1.5 พันล้านบาท เมื่อ 4 ปีก่อนเป็น 2.8 พันล้านบาทในปี 2564

ประเดิมคว้าสัญญา หนองโพ

นายสุรชกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทยอยเซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ แล้ว โดยจะมี 4 แบรนด์ใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ และในปี 2566 จะมีแบรนด์ใหญ่อีก 1 แบรนด์ ซึ่งจะมาสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังสามารถเติบโต 30% ต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2561-2564

โดยจะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญ และสามารถต่อยอดเครือข่ายการจัดจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ได้ และพร้อมเปิดรับแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นพันธมิตรอีก เพื่อสร้างการเติบโต

ประเดิมด้วยแบรนด์ หนองโพ ที่บริษัทบรรลุข้อตกลงกับ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) และได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกครั้ง หลังสิ้นสุดสัญญาไปเมื่อปี 2560 โดยรับผิดชอบช่องทางร้านค้าปลีก-ส่งแบบเทรดิชั่นนอลเทรด และแม็คโคร เป็นเวลา 5 ปี

ทั้งนี้ ในช่วงเฟสแรกจะเร่งฟื้นฟูช่องทางจำหน่ายเดิมด้วยการนำนมกล่องยูเอชทีมาจัดจำหน่ายในร้านค้าเทรดิชั่นนอลเทรดซึ่งเป็นช่องทางสำคัญของนมยูเอชที จำนวนกว่า 3,000 ร้านค้า และในช่วงต้นปี 2566 จะร่วมกันทำการตลาด ก่อนจะเข้าสู่เฟสสอง ซึ่งจะนำขยายช่องทางสู่โมเดิร์นเทรดพร้อมกับนำสินค้าอื่น ๆ ในพอร์ตของหนองโพเข้ามาจัดจำหน่ายด้วย

เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในปีนี้

หลังก่อนหน้านี้ปิดดีลเป็นตัวแทนจำหน่ายซอส ลีกุมกี่ (Lee Kum Kee) และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก จอร์แดน (Jordan) ไปแล้ว เชื่อว่าด้วยสินค้าใหม่ในพอร์ตจะช่วยให้ปีนี้รายได้เติบโต 30% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 หลังจากปี 2564 มีรายได้ 2.8 พันล้านบาท และเติบโต 30% เช่นกัน