อาปิโกฯลั่นหลังคว้าโปรเจ็กต์ใหญ่ ผลิตชิ้นส่วนให้รถยนต์อีวีสัญชาติเวียดนาม Vinfast หลังเทรนด์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกโต คาดส่งรายได้ปีนี้โตพรวด 30% ยอดขายรถอีวี 10 เดือน จากกลุ่มยานยนต์ หอการค้าญี่ปุ่น ยอดกว่าครึ่งหมื่น
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (internet of things) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า สัญชาติเวียดนามอย่างวินฟาสต์ (Vinfast) โดยมีสัญญาส่งมอบยาวถึงปี 2567 ประเดิมส่งลอตแรกปลาย ต.ค.ที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะพร้อมมองแนวโน้มเทรนด์การใช้รถ EV ขยายตัวเร็วกว่าคาด ออร์เดอร์โต ดันยอดผลิตพุ่ง มั่นใจปี’65 ผลงานดีสุด รายได้โต 30% ตามแผน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
สำหรับอาปิโกฯได้รับงานผลิตชิ้นส่วนประกอบตัวถังสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) วินฟาสต์ เพื่อเตรียมส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทได้เริ่มส่งลอตแรกแล้วตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับการเข้ารับงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจากวินฟาสต์ เป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของอาปิโกฯ ในตลาดระดับนานาชาติ
“โดยบริษัทได้มีความสัมพันธ์อันดีกับวินฟาสต์เนื่องจากเป็นทั้งคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ”
สำหรับบริษัทมีการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่ผลิตในเวียดนามให้กับวินฟาสต์อีกด้วย ได้แก่ ชิ้นส่วนเปิด-ปิดประตู และชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อการสร้างศักยภาพในการเพิ่มรายได้และความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
สำหรับแนวโน้มธุรกิจรถอีวีเป็นกระแสอย่างมาก มีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดด และถือว่าเกิดการผลักดันการใช้งานเร็วกว่าที่คาดไว้
ส่วนประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนสนใจเข้ามาขยายฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย เห็นได้จากมีลูกค้าเข้ามาเจรจากับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาปิโกฯสามารถผลิตชิ้นส่วนให้แก่ลูกค้ากลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าได้ เพราะชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ต่างเพียงเครื่องยนต์
ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้รถอีวีกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ 30% ตามแผน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,967 ล้านบาท และปีนี้ถือเป็นปีที่เติบโตดีที่สุด ภายใต้กลยุทธ์เสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตต่าง ๆ ปรับตัวและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานยอดการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์หอการค้าญี่ปุ่น พบว่ามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถยนต์ทั้งสิ้น 3 แบรนด์ ได้แก่ นิสสัน, เอ็มจี และเกรท วอลล์ฯ รวมทั้งสิ้น 6,470 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีอยู่เพียง 50 คัน
โดยพบว่าค่ายเกรท วอลล์ฯมียอดจำหน่ายสูงสุดจากแบรนด์โอร่า กับรถยนต์โอร่า กู๊ดแคต 10 เดือนมียอดขายทั้งสิ้น 6,470 คัน ตามมาด้วยเอ็มจี 1,992 คัน จากรถ 3 รุ่น ได้แก่ เอ็มจี อีพี, เอ็มจี อีพี พลัส และเอ็มจี แซดเอส อีวี
ส่วนนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมียอดขายสะสม 135 คัน
และในงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค.นี้ ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ออกสู่ตลาดด้วย