ทัตสึยะ โนซากิ ปั้น ROAD TO “ไทยยามาฮ่า” SUCCESS

ทัตสึยะ โนซากิ
ทัตสึยะ โนซากิ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาดรถจักรยานยนต์ถือว่า ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อภาคการผลิตโดยเฉพาะการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ รวมทั้งกำลังซื้อที่ “บาง” ลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

แต่สำหรับค่าย “ไทยยามาฮ่า” แล้ว ถือว่า สถานการณ์ค่อนข้างดี เมื่อดูจากยอดขายในปี 2565 ที่ผ่านมา “ยามาฮ่า” มียอดขายเพิ่มขึ้น โตขึ้น 6.9% ปิดตัวเลขไปที่ 284,000 คัน

ส่วนปีนี้ถือเป็นอีกปีแห่งความท้าทาย ภายใต้การนำทัพของ “ทัตสึยะ โนซากิ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ประกาศนำพา “ไทยยามาฮ่า” ให้เดินหน้าไปทั้งองคาพยพ จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกัน

Q : ความสำเร็จในปี 2565

ความสำเร็จในปีที่ผ่านมานั้น ยามาฮ่าต้องขอบคุณทุก ๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งพันธมิตรทางการค้า ร้านผู้จำหน่าย ลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และสื่อมวลชน ที่ให้การตอบรับและสนับสนุน ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อยามาฮ่า ที่สำคัญยามาฮ่ามีความมุ่งมั่นเพื่อวางแผนและพัฒนาสินค้าออกมาอย่างดีที่สุด แม้จะมีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้า แต่เราก็สามารถแก้ไขและสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้น จนสามารถที่จะบรรลุผลประกอบการ และยอดขายประจำปีได้ตามเป้าหมาย

โดยยามาฮ่ามียอดจดทะเบียน 283,903 คัน โต 6.9% มีส่วนแบ่งการตลาดได้อยู่ที่ 15.8% ขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์โต 11.8% มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,800,583 คัน

ปัจจัยที่ทำให้ยามาฮ่าเติบโตนั้น เป็นผลมาจากการเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของ “สินค้า” และ “การบริการหลังการขาย” อย่างเห็นได้จากตลาดของยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด โตถึง 35% มียอดจดทะเบียน 97,446 คัน ขณะที่ ยามาฮ่า ฟินน์ โต 31% มียอดจดทะเบียน 84,871 คัน และยามาฮ่า R15 ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในรุ่น 150 ซีซี ได้อย่างเหนียวแน่น

ขณะที่ศูนย์บริการของยามาฮ่ามีอัตราลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่ยามาฮ่ามีความภูมิใจในปีที่ผ่านมา

Q : เป้าหมายในปี 2566

สำหรับปีนี้ ยามาฮ่าจะเดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการสร้างความสำเร็จสินค้าครองใจชาวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่ายอดขายรถจักรยานยนต์จะอยู่ในระดับเท่ากับปีก่อน คือ 1.8 ล้านคัน

ขณะที่ยามาฮ่า เราตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมเป็น 16.5% หรือมียอดขายที่ประมาณ 295,000 คัน ซึ่งโต 4% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา

โดยยามาฮ่าเชื่อมั่นว่า วันนี้มีสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2566 นี้ ของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น

บวกกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความเบาบางลงจนเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศมีการฟื้นตัว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ส่วนในด้านปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบไม่เพียงพอในบางรุ่น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่มีผลต่อผู้บริโภค

ยามาฮ่า แกรนด์ฟิลาโน่ไฮบริด

Q : แผนงานในปีนี้

แน่นอนว่า ยามาฮ่าได้เตรียมสินค้าไว้นำเสนอเพื่อเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าชาวไทยไว้ครบทุกเซ็กเมนต์แล้วเราจะเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายผู้จำหน่าย และมีขยายโชว์รูมรูปแบบใหม่ New YAMAHA SQUARE เพิ่มเป็น 170 แห่งภายในปีนี้

รวมทั้งเน้นสร้างความเป็น premium brand เพื่อสร้าง “best customer experience” ส่งต่อความประทับใจในสินค้าและบริการจนสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าจนก่อเกิดเป็น lifetime customer ที่สร้างความผูกพันและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

Q : ชูกลยุทธ์ Road To Success

การเดินหน้า lifetime customer โดยการยกระดับประสบการณ์มัดใจลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.เดินหน้าพัฒนา New YAMAHA SQUARE จาก 89 โชว์รูมทั่วประเทศ เป็น 170 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อยกระดับการขาย และการบริการ เพิ่มความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

2.เสริมความแกร่งพัฒนาบริการหลังการขายในระดับ Pro Care สามารถเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ ID Card Reader พร้อมกับการแจ้งเตือนเข้ารับบริการผ่านช่องทาง LINE OA

3.พัฒนากิจกรรม lifestyle กลุ่ม YAMAHA Club ในทุกพื้นที่ และสร้าง community ที่แข็งแรง เพื่อสร้างความประทับใจ และความผูกพัน ตลอดจนสามารถรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ผ่านทาง application YAMAHA SMART REWARD

4.ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการตลาดแบบ digital marketing พัฒนาและสร้าง online touchpoint เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า สามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบ LINE OA พร้อมสามารถลิงก์กับ SMART REWARD และ Y-CONNECT ได้อย่างง่ายดาย

5.เดินหน้าเสริมความมั่นใจสินค้า และกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กม. อย่างต่อเนื่อง

และ 6.เดินหน้าการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นการใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์ตรง ทั้งก่อน และหลังการขายให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเซ็กเมนต์ ได้แก่

กลุ่มลูกค้ารถสปอร์ต เน้นไปที่การเจาะกลุ่มในแต่ละพื้นที่ เสริมเรื่องสินค้าอะไหล่ตกแต่ง รวมทั้งกิจกรรมที่ส่งเสริม และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า

กลุ่มลูกค้ารถออโตเมติก เน้นการขยายตลาดแนวกว้าง ครอบคลุมทุกจังหวัด ขยายจากตัวเมืองใหญ่ เสริมด้วยกิจกรรมไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง และสร้างความเป็น community ให้ใหญ่ขึ้น

กลุ่มลูกค้ารถครอบครัว ขยายตลาด mass ให้มากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ มีรถจัดแสดงในทุกจุด และเติมเต็มกิจกรรมทั้งหน้าร้านและนอกร้าน โดยร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ

ซึ่งจากแผนการขับเคลื่อนของ “ไทยยามาฮ่า” ในการเดินหน้าขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้มั่นใจได้ว่า ปี 2566 นี้จะสามารถเดินไปสู่เป้าและเข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มผู้บริโภค ลูกค้าชาวไทยได้อย่างตรงใจแน่นอน