
BYD ลั่นเตรียมส่งรถ EV อีก 2 รุ่น ทำตลาด ประเดิม Dolphin หวังเจาะกลุ่มซิตี้คาร์ ท้าชนกลุ่ม ยาริส-แจ๊ซ ส่วนอีกรุ่นมาแน่ปลายปี เชื่อช่วยดันยอดขาย ทะลุ 2 หมื่นคันในปีนี้ พร้อมเสริมทัพหลังบ้านเล็ง ขยายเน็ตเวิร์ก 113 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 ว่าจะเร่งขยายเครือข่ายทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันมีอยู่กว่า 40 แห่ง และในไตรมาส 3 จะเพิ่มเป็น 85 แห่งก่อนที่สิ้นปีจะมี 113 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้จากนโยบายการขยายเครือข่ายของ BYD มุ่งเน้นความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยดีลเลอร์ 1 รายจะต้องมีโชว์รูมและศูนย์บริการ 4 แห่ง
“สิ่งที่เรามองอาจจะต่างจากค่ายรถรายอื่น ๆ ที่มองว่า 1 จังหวัดให้มีหลาย ๆ ดีลเลอร์นั้น แต่สำหรับ BYD ต้องการให้หนึ่งดีลเลอร์ดูแลหลาย ๆ จังหวัดหรือหลาย ๆ พื้นที่ ผมต้องการให้เขาสร้างอาณาจักรของเขาเองในพื้นที่ที่เข้าสามารถดูแลได้ และสุดท้ายเราไม่ต้องการให้ดีลเลอร์มาแข่งขันกันเอง แต่ต้องการให้ ดีลเลอร์แต่ละรายมีความแข็งแกร่งในพื้นที่ของตัวเอง และขยายให้ครบคลุมในพื้นที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเราเชื่อว่าตรงนี้จะทำ BYD มีความแข็งแรง”

ส่วนแผนเปิดตัวรถใหม่ ในครึ่งปีหลังเตรียมเปิดรถอีวี 2 รุ่น ได้แก่ BYD Dolphin ซิตี้คาร์อีวีทัาชนกลุ่มแจ๊ซ-ยาริส พร้อมเปิดราคาจำหน่าย คาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า 7 แสนบาท หลังจากได้นำรถรุ่นนี้มาจัดแสดงที่งานมอเตอร์โชว์พร้อมประกาศราคาคาดการณ์ ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จองสิทธิกว่า 1,000 คัน และในช่วงไตรมาสสุดท้าย ก็จะเปิดอีก 1 รุ่นเป็นอีวี 100% เช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยที่หลากหลาย
ด้านนางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยว่ามีการเติบโตสูงขึ้นมาก โดยปี 2565 ที่ผ่านมามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 20,200 คัน ขณะที่ปีนี้ผ่านมาแค่ครึ่งปี มียอดขายรถอีวีรวมมากกว่า 30,000 คัน ดังนั้นเป้าหมาย ที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 ประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ 100,000 คัน มีความเป็นไปได้และอาจจะเร็วกว่าเป้าหมายด้วยซ้ำ
ดังนั้นสิ่งที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ ต้องยกระดับงานบริการหลังการขายให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รองรับปริมาณรถที่มากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงทุนคลังอะไหล่ และกำลังมีแผนจะขยายเพิ่มเติม
“นโยบายตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจ คือ นอกจากหารถเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกเซ็กเมนต์ เราต้องการขยายตลาดกลุ่มผู้ใช้รถน้ำมันให้เปลี่ยนมาใช้รถอีวี”