
เรนาสโซ มอเตอร์ ส่งรถยนต์ซูเปอร์คาร์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรก Lamborghini Urus SE ทำตลาดเคาะราคาเริ่มต้น 24.98 ล้านบาท
วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 นายฟรานเชสโก้ สกาดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ออโตโมบิล ลัมโบร์กินี เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดลัมโบร์กินีได้ตัดสินใจแนะนำ Urus SE ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นการนำเข้าสู่ยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการรถยนต์ซูเปอร์เอสยูวีในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า และยังเป็นก้าวสำคัญของลัมโบร์กินี ในการร่วมปฏิวัติโลกยานยนต์
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่า รถ Lamborghini Urus SE จะตอบโจทย์ทุกประสบการณ์การขับขี่ และได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ ลัมโบร์กินีทั่วประเทศอย่างแน่นอน
Lamborghini Urus SE ถือเป็นซูเปอร์เอสยูวีระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นแรกของลัมโบร์กินี ที่นำเสนอดีไซน์รถยนต์แนวใหม่ ฝากระโปรงทรงใหม่แบบ Floating Design โดยลบเส้นสายที่เป็นตัวแบ่งส่วนต่าง ๆ ทิ้งไปเพื่อเสริมความรู้สึกลื่นไหลต่อเนื่อง และเน้นย้ำถึงรูปทรงแบบนักกีฬา ชุดไฟหน้าที่ใช้เทคโนโลยี Matrix LED ซึ่งเป็นดีไซน์ซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุดที่มีแรงบันดาลใจมาจากหางวัวกระทิงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ลัมโบร์กินี
ขณะที่ส่วนท้ายมีการจัดสรรพื้นที่เก็บสัมภาระใหม่ทั้งหมด เชื่อมต่อชุดไฟท้ายด้วยดวงไฟรูปตัว “Y” และดิฟฟิวเซอร์หลังรูปแบบใหม่ ซึ่งทำให้รถยนต์มีสัดส่วนคล้ายสปอร์ตมากยิ่งขึ้น สปอยเลอร์ใหม่ยังทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์หลังในการช่วยเพิ่มแรงกดด้านหลังขณะวิ่ง ด้วยความเร็วสูงเพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Urus S จึงเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ล้ออัลลอยรุ่นอัพเดตใหม่พร้อมดีไซน์ Galanthus ขนาด 23 นิ้ว เป็นรุ่นมาตรฐาน พร้อมยาง Pirelli P Zero รุ่นใหม่ มีโทนสีตัวรถให้เลือก และออปชั่นการตกแต่งอีกมากกว่า 100 องค์ประกอบ
นอกจากนี้ เรนาสโซได้นำเสนอ 2 โทนสีใหม่ในวันเปิดตัว ทั้งโทนสี Arancio Egon (สีส้ม) ที่จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Arancio Apodis (สีส้ม) และโทนสี Bianco Sapphirus (สีขาว) จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Terra Kedros (สีน้ำตาลแดง)
ส่วนออปชั่นการตกแต่งภายในยังมอบทางเลือกคู่สีอีกกว่า 47 แบบ และการเย็บตะเข็บตกแต่งถึง 4 สไตล์ (Q-Citura Stitching) และโปรแกรมการตกแต่ง Ad Personam ที่ช่วยให้เจ้าของ Urus SE สร้างสรรค์รถยนต์ให้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพียงหนึ่งเดียวในโลก
Urus SE มาพร้อมกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 800 CV (588 kW) ที่ 6,000 รอบต่อนาที และสามารถให้แรงบิดรวม 950 Nm ที่ 1,750 รอบต่อนาที และสูงสุดที่ 5,750 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเครื่อง (Weight-to-Power Ratio) ที่ 3.13 kg/CV (เปรียบเทียบกับ 3.3 ในรุ่น Urus S)
อัตราเร่ง Urus SE สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที (Urus S ที่ 3.5 วินาที) และจาก 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 11.4 วินาที (Urus S ที่ 12.5 วินาที) สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 312 กม./ชม. (Urus S ที่ 305 กม./ชม.) ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ SE เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังสูงสุดของตระกูล Urus และสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์เอสยูวี
หน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แสดงผลกราฟิก Human Machine Interface (HMI) เวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายดาย
ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย และด้วยการใช้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริด เมื่อรวมโหมดการขับขี่ของ Urus ทั้ง 6 แบบเข้ากับการทำงาน Electric Performance Strategies (EPS) แบบใหม่อีก 4 แบบ ทำให้นักขับมีตัวเลือกทั้งหมดมากถึง 11 ออปชั่น
โดยในรุ่นนี้ โหมดพื้นฐานทั้ง Strada, Sport, Corsa (สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง) รวมถึง Neve, Sabbia และ Terra (สำหรับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะที่แตกต่างจากพื้นยางมะตอย) จะสามารถทำงานร่วมกับออปชั่นระบบ EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อวิ่งด้วยระบบ EV Drive สามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 60 กม. และเร่งความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม.
Lamborghini Urus SE เรนาสโซ เปิดราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 24.98 ล้านบาท