ดอม เหตระกูล หนุนสาวก “บิ๊กไบก์” สร้างสังคมคุณภาพ

นอกจากชื่อชั้นในฐานะนักแสดงมากความสามารถแล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่ “ดอม เหตระกูล” กำลังดำเนินอยู่ในฐานะนักธุรกิจ นักบริหารในอาณาจักรบริทไบค์ และมอเตอร์ไซเคิล คิงดอม ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ และเอ็มวี ออกุสต้า ซึ่งได้มีการยอมรับอย่างกว้างขวาง ยิ่งเมื่อมองภาพย้อนกลับไปในช่วงร่วม 10 ปีที่ผ่านมา

“ดอม” ตัดสินใจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (ในขณะนั้น)จากความรักและความหลงใหล จึงค่อย ๆ ลงหลักปักฐานสร้างอาณาจักรอันมั่นคงจนรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์กลับมาได้รับความนิยม และเป็นกระแสที่จุดติด…จนบริษัทแม่เล็งเห็นโอกาสและก้าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว

วันนี้ “ดอม เหตระกูล” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด และ บริษัท บริทไบค์ จำกัด พูดถึงสเต็ปต่อไปของเขาไว้อย่างน่าสนใจ

Q : แผนการลงทุนปีนี้

เรามีการลงทุนเพิ่มโชว์รูมแห่งใหม่เป็นแห่งที่ 3 ต่อจากสาขาพระราม 9 (อาร์ซีเอ) และเชียงใหม่ เดิมโชว์รูมวิภาวดีฯนี้จะต้องแล้วเสร็จได้เร็วกว่านี้ แต่เนื่องจากติดขัดเงื่อนไข และมีรายละเอียดบางประการ ทำให้การดำเนินงานต้องล่าช้ากว่าแผนงานไปเล็กน้อย เราตั้งใจเปิดโชว์รูมแห่งนี้เพื่อรองรับกับลูกค้าของไทรอัมพ์และเอ็มวี ออกุสต้าแล้ว ยังเปิดเป็นแหล่งรวมพลของคนรักบิ๊กไบก์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใด ยี่ห้อใดก็สามารถเข้ามาใช้บริการที่อาคารแห่งนี้ได้ เพราะเราจะมีหลาย ๆ โซนให้บริการ เรียกว่าสถานที่นี้จะเป็นแหล่งรวมของไลฟ์สไตล์คนขี่มอเตอร์ไซค์

Q : เรียกว่าเป็นอาณาจักรแห่งใหม่ได้มั้ย

แน่นอนเราใช้งบประมาณในการลงทุนสำหรับโชว์รูมแห่งนี้ไปกว่า 90 ล้านบาท เนื่องจากต้องการเนรมิตให้สถานที่แห่งนี้เป็นอาณาจักรของคนมอเตอร์ไซค์แนวไลฟ์สไตล์ เนื่องจากทุกวันนี้

รถมอเตอร์ไซค์ (บิ๊กไบก์) ที่ขาย ๆ กันอยู่นั้นถือเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ไปแล้วใช่เพียงแค่เป็นยานพาหนะ ดังนั้น ที่แห่งนี้จะเป็นที่รวบรวมคนคอเดียวกันมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน และเรายังมีโซนขายสินค้าแนวไลฟ์สไตล์พวกเสื้อผ้า อุปกรณ์ประดับยนต์ ชุดแต่ง หมวกกันน็อก ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับรถมอเตอร์ไซค์ รวมทั้งยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ให้มาแฮงเอาต์ของเหล่าไบเกอร์อีกแห่ง และจะมีฟิตเนสไว้ค่อยบริการด้วย เรียกว่าเข้ามาที่ตึกของเราไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาซื้อแต่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้เข้ามาสัมผัส การอัพเดตข้อมูล ประสบการณ์ในการขับขี่ หรือแม้แต่การทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ซึ่งจะไม่จำกัดรุ่นหรือยี่ห้อ เพราะเราต้องการสร้างสังคมของนักขับทำให้ตึกนี้เป็นแหล่งรวมพลของคนที่ชื่นชอบในสิ่งที่คล้าย ๆ หรือ

เหมือนกัน และเราเชื่อว่าความนิยมของรถบิ๊กไบก์ในประเทศไทยจะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องการสร้างให้สังคมนี้เป็นสังคมคุณภาพด้วย คนที่เข้ามาที่นี่อาจจะไม่ใช่คนที่ใช้มอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ แต่เราก็เชื่อว่า อนาคตเมื่อเขารู้จักรถของเรามากขึ้น หรือเมื่อเข้ามาเห็นความพร้อมเขาก็คงจะเลือกพิจารณารถของเราเช่นเดียวกัน

Q : อยากเห็นธุรกิจบิ๊กไบก์เป็นอย่างไร

เราเชื่อว่าการจะอยู่ในตลาดนี้ได้อย่างแข็งแกร่งและแข็งแรงนั้น ต้องคิดต่างอย่างสร้างสรรค์ จะมุ่งหวังไปที่การขายเพียงอย่างเดียว หรือจะมุ่งไปที่บริการหลังการขายอย่างเดียวก็ไม่พอเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญ…คือความสัมพันธ์กับ “ลูกค้า” ต่างหากที่จะยั่งยืน เราต้องการสร้างอาณาจักรมอเตอร์ไซค์ สร้างกิจกรรมเพื่อคนรักมอเตอร์ไซค์ให้มารวมตัวกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อปลูกฝังค่านิยมของการขับขี่อย่างปลอดภัย รวมทั้งมารยาทในการขับขี่ด้วย ผมอยากสร้างชุมชนของคนรักรถ รักการขับขี่ให้แข็งแรง เพราะคนกลุ่มนี้คือกลุ่มผู้ใช้จริง และจะสามารถบอกต่อช่วยขยายฐานของบรรดานักขี่พันธุ์ใหม่ให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Q : ทิศทางธุรกิจในปีนี้

เราจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นและขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ อย่างที่บอกข้างต้นว่า ใช้งบประมาณกว่า 90 ล้านบาทสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่บนถนนวิภาวดีรังสิต พื้นที่ 15,000 ตร.ม.

เป็นอาคาร 6 ชั้น เพื่อทำเป็นอาณาจักรมอเตอร์ไซค์แอนด์ไลฟ์สไตล์ เรายังจะใช้งบประมาณมูลค่า 5 ล้านบาทรีโนเวตโชว์รูมไทรอัมพ์ สาขาพระราม 9 ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ปัจจุบันบริทไบค์มีโชว์รูมรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ 3 แห่ง ได้แก่ สาขาพระราม 9, เชียงใหม่ และล่าสุดสาขาวิภาวดีรังสิต โดยมีสัดส่วนการขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ 12 รายทั่วประเทศ

Q : มองภาพรวมบิ๊กไบก์อย่างไร

ตลาดรถบิ๊กไบก์ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตที่ลดลง โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้เล็กน้อย โดยทำได้เพียง 300 คัน แต่อย่างไรก็ตาม จากแผนการดำเนินธุรกิจการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดและการเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ บริษัทมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีที่ 700 คันน่าจะมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 660 คัน 16% จากที่ปีก่อนหน้ามียอดขายอยู่ที่ 850 คัน โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาสามารถขายรถได้ 340-350 คัน และคาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์ สินค้าไลฟ์สไตล์ และบริการหลังการขายไม่น้อยกว่า 9-10 ล้านบาทในปีนี้

ส่วน “เอ็มวี ออกุสต้า” แบรนด์พรีเมี่ยมจากอิตาลี ก็จะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตมีแผนทำตลาดเพิ่มในส่วนของแบรนด์อื่น ๆ อีกก็มีความเป็นไปได้