ถือเป็นกลุ่มทุนไทยที่น่าจับตาอย่างยิ่ง สำหรับบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์โฮลดิ้ง จำกัด (TOAVH) ที่แตกตัวออกมาจากร่มเงาของ บริษัทแม่ในกลุ่มสีทีโอเอ ภายใต้การบริหารงานของแม่ทัพใหญ่ “ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ”
ที่หันมาเอาจริงเอาจังกลับธุรกิจที่ต่อยอดจากลุ่มสี มาเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลักและหนึ่งในนั้นถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงนั่นคือธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ส่วนปีนี้ กลุ่มทีโอเอ เวนเจอร์ฯ จะขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางใด ไปติดตามกัน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
Q : 4 กลุ่มธุรกิจหลักมีแผนจะแตกเพิ่มอะไรอีก
คงเน้นหลัก ๆ เท่านี้ก่อน ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง “spin off” จาก TOA Paint เข้าตลาด ในปี 2017 ในหลาย ๆ ธุรกิจในทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง นั้น เป็นธุรกิจที่เราทำมานานแล้ว
แบ่งธุรกิจเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ industrial paint & auto part หรือสีอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจที่ 2 คือ consumer goods business หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจที่ 3 automotive dealer ผู้จำหน่ายรถยนต์ และธุรกิจที่ 4 คือ property development
Q : อะไรคือความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
ปีที่แล้ว แม้จะมี “โควิด” และหลาย ๆ ปัจจัย แต่เรายังมีการเติบโตขึ้น 19% มีผลประกอบการอยู่ที่ 13,415 ล้านบาท โดยธุรกิจหลักยังคงเป็นสีอุตสาหกรรม, ชิ้นส่วนยานยนต์
และดีลเลอร์รถยนต์ ตามสัดส่วนคือ “สีอุตสาหกรรม” ประมาณ 31% ธุรกิจ “ดีลเลอร์รถยนต์” โตขึ้นมามาก คิดเป็น 58% ธุรกิจของ consumer goods 9% และ property development 2%
Q : ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัววางเป้าหมายปีนี้อย่างไร
เราตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 10% จากมีผลประกอบการปีที่แล้ว 13,415 ล้านบาท ปีนี้ต้องเรียกว่า เป็นปีที่ “แชลเลนจ์” ธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ตั้งเป้าโต 12% ส่วนกลุ่มสีอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนตั้งเป้าโต 4-5%
เพราะนอกจาก “โควิด” ยังมีเรื่อง “การเมือง” ถึงแม้มันจะอยู่ห่างไกล แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ไกลเลย…
Q : มองธุรกิจดาวรุ่งอย่างรถยนต์อย่างไร
ย้อนกลับไปปีที่ผ่านมา เราโตได้อย่างไรถึง 19% ต้องบอกว่า ธุรกิจเราอิงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศปีที่ผ่านมา ยอดการผลิตรถยนต์ในเมืองไทยมีการเติบโตขึ้น
ถ้ามองย้อนไปปี 2020 ที่ “โควิด” เริ่มต้น ไทยโดนผลกระทบหนักมาก ยอดผลิตรถยนต์ตกลงไปกว่า 1.4 ล้านคัน ปีที่ผ่านมาก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเป็น 1.69 ล้านคัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้า 1.8 ล้านคัน ทีโอเอฯได้อานิสงส์ตรงนี้ เติบโตขึ้นมา
ธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ถือเป็น“ดาวรุ่ง” เราโตทั้งพอร์ต 23% จาก 3 แบรนด์หลัก เราเริ่มต้นจาก “ซูซูกิ” เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาตามมาด้วย “เอ็มจี” มี 10 โชว์รูม และลักเซอรี่คาร์ แบรนด์อันดับหนึ่งของโลก คือ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” อย่างไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ เริ่มต้นมาได้2 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 3 เราค่อนข้างจะแฮปปี้กับการเติบโต
ปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์เกือบ 750 คัน, เอ็มจีกว่า 4,300 คัน, ซูซูกิกว่า 1,100 คัน รวม 6,400 คัน โต 12%
Q : จังหวะเศรษฐกิจแบบนี้ต้องชะลอแผนลงทุนด้านไหน
ผมคิดว่าขอโฟกัสกับแบรนด์ที่มีอยู่ก่อน เพราะเรามองว่า มาร์เก็ตแชร์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เราอยากเป็น top of mind ดีกว่า แล้วมาร์เก็ตแชร์จะตามมาเองในส่วนของธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นั้นปีนี้
เราเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนไว้ 50 ล้านบาท หลัก ๆ จะเป็นการลงทุนในส่วนของศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ในส่วนของแบรนด์ “เอ็มจี” ที่อมตะ จ.ชลบุรี
วันนี้หากลูกค้ามองหารถยนต์ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TOAVH) เราพร้อมนำเสนอ ไม่ว่าเป็นแบรนด์เริ่มต้น อย่างอีโคคาร์, แบรนด์เอ็มจี ที่มี SUV รถลักเซอรี่ เรียกว่าทั้งหมดคือลูกค้าของทีโอเอเวนเจอร์
สุดท้าย “ณัฏฐวุฒิ” พร้อมย้ำด้วยความหนักแน่นว่า “ผมคิดว่าขอโฟกัสกับแบรนด์ที่มีอยู่ก่อน ถ้ามีโอกาส บริษัทแม่เห็นโอกาสการเติบโต เราก็ยินดี”