เพื่อไทย เล็งแก้กฎหมายเลือกตั้ง ให้ ส.ส.แจกของได้ในเขตภัยพิบัติ

พรรคเพื่อไทย น้ำท่วม สถานการณ์น้ำท่วม

เพื่อไทย จ่อชงสภา แก้กฎหมายเลือกตั้ง รื้อกฎ 180 วัน ให้ ส.ส.แจกของช่วยเหลือประชาชนได้ ในเขตภัยพิบัติ วอน จวกรัฐบาลเตือนภัยล่าช้า-ประยุทธ์ อย่าหันไปใช้ทรานซิสเตอร์อีกเลย

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณากำหนดเงื่อนไข และแนวทางปฏิบัติ ปรับปรุงระเบียบให้พรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนของปวงชนสามารถเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ ที่ในช่วงระยะของ 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม จนถึง 23 สิงหาคม 2566 และนับต่อไปถึงวันเลือกตั้ง 7 พฤษภาคม 2566 ก่อนวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องถือปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นระเบียบว่าด้วยวิธีการหาเสียง

ทั้งนี้ กฎหมายเขียนว่า ห้ามจูงใจให้บุคคลมาลงคะแนน หรือไม่ลงคะแนนให้ผู้ใด แต่ กกต.กลับนำมาตรานี้มาเป็นข้อห้ามในการหาเสียงในระยะที่ยังไม่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้ง ยังไม่มีผู้สมัคร หมายเลขผู้สมัคร

แต่ กกต.ตีความล่วงหน้าว่าห้ามแจก ห้ามช่วยเหลือประชาชน ซึ่งกรณีภัยพิบัติ กกต.สามารถออกเป็นระเบียบได้ ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาที่มีการหาเสียงสมบูรณ์แบบ เป็นข้อพึงระวังการหาเสียงไม่ให้มีการเอาเปรียบกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมือง เพื่อความเป็นธรรม แต่การออกระเบียบดังกล่าวกลับไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

ดังนั้น กกต.ต้องเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง แล้วออกระเบียบไปช่วยเหลือ ใครอยู่ในเขตภัยพิบัติสามารถไปช่วยเหลือได้ โดยกำหนดระเบียบเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน

ดังนั้น หากเปิดสมัยประชุมสภา พรรคเพื่อไทยจะเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในหมวดที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น มาตรา 64 มาตรา 65 เรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง มาตรา 68 เรื่องการหาเสียง พรรคเพื่อไทยได้มีมติว่าจะเสนอแก้ไข

“คำพูดที่ฟังแล้วอนาจใจคือ เดี๋ยวก็ชินแล้ว ประชาชนให้สัมภาษณ์สื่อว่า พวกคุณลองมาอยู่ไหม เพราะชั้นสองของบ้านยังนอนไม่ได้ ทางแก้ระยะต่อไปต้องเร่งสร้างอาชีพรองรับในระยะ 3 เดือน ฟื้นคืนระบบโลจิสติกส์ เร่งจ่ายชดเชยต่อไร่การปลูกข้าว ค่าเยียวยาพื้นที่รับน้ำต้องเร่งจ่าย เพราะน้ำท่วมในปีที่แล้วประชาชนยังไม่ได้” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

เรียกร้องรัฐบาล จัดมาตรการช่วยน้ำท่วม

นพ.ชลน่านกล่าวว่า นอกจากนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งระบบสาธารณูปโภค การคมนาคม และความเสียหายต่อบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ทำกินในหลายพื้นที่อย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง และประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิต ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ตระหนักถึงวิกฤตปัญหาดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจึงออกแถลงการณ์มาเพื่อเรียกร้องทั้งรัฐบาล

ขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้ถือว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้ที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง และต้องถือว่ากรณีนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นฉุกเฉิน จึงต้องบริหารแบบสถานการณ์พิเศษ มิใช่บริหารแบบสภาพการณ์ปกติทั่วไป จะต้องระดมสรรพกำลังเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง และทันท่วงที โดยต้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า และมาตรการเยียวยาในระยะต่อไปอย่างชัดเจน

นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์รับน้ำท่วมในปี 2554 ซึ่งได้กำหนดมาตรการไว้อย่างมีแบบแผน เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พบว่ามีปัญหาใน 7 เรื่องสำคัญ ได้แก่

1.การเตือนภัย น้ำท่วมครั้งนี้มีปัญหาเรื่องการเตือนภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำท่วมจะรุนแรงจนรับมือไม่ได้ เช่น อุบลราชธานี ซึ่งตนเองได้ลงพื้นที่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าปริมาณน้ำท่วมมีความรุนแรงใกล้เคียงกับปี 2562

และ ณ วันนี้รุนแรงกว่าปี 2562 เนื่องจากอุบลราชธานีเป็นจังหวัดรับน้ำก่อนลงสู่แม่น้ำโขง ครั้งนี้ปริมาณน้ำเข้าสู่พื้นที่อย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนเก็บข้าวของไม่ทัน จากระบบการเตือนภัยของรัฐบาลที่ขาดการใส่ใจจากหลายฝ่าย การออกคำเตือนล่าช้า มาตรการไม่มีความพร้อม

2.ในสถานการณ์น้ำท่วมปี 2554 รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วางแผนเตรียมการไว้ โดยประเมินการรับมือในระดับเลวร้ายที่สุด เตรียมมาตรการรองรับเอาไว้ หากไม่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเตรียมการ

3.รัฐบาลต้องบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์ภาวะเสี่ยง มาบริหารประเทศในขณะนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

4.วางระบบในการบริหารจัดการ โดยหน่วยดูแล บัญชาการ ปฏิบัติการชัดเจน ครอบคลุมระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นไปอย่างชัดเจน

5.การบริหารสถานการณ์น้ำท่วม ต้องไม่นำระเบียบเดียวกันมาบังคับเหมือนกันทั่วประเทศ ต้องดูรายพื้นที่ เช่น พื้นที่น้ำท่วมถาวร พื้นที่น้ำท่วมทุกปี พื้นที่น้ำท่วมขังนาน เป็นต้น แต่ละพื้นที่ต้องมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน โดยการกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนว่าจะกำหนดมาตรการอย่างไร โดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน

6.ต้องให้ความสำคัญกับภาคท้องถิ่น ซึ่งมีความใกล้ชิดพี่น้องประชาชนมากที่สุดเข้ามาแก้ปัญหา รวมทั้งภาคส่วนเอกชน อาสาสมัครต่าง ๆ

7.แผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่แม้ถูกตีตกไป ถือว่าเป็นกรรมของประเทศมาถึงปัจจุบัน ที่ไม่มีระบบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำแผนไปดำเนินการ และหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสในการบริหารประเทศ พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดจะดำเนินการ

เรียกร้องปรับกฎเหล็ก กกต.-จัดสรรงบกลางเพื่อบริหารประเทศ ไม่ใช่เพื่ออำนาจตนเอง

ด้านนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังกว่า 10 จุดใน กทม. ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2565 พรรคเพื่อไทย โดย ส.ส., ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส., ส.ก. รวมทั้งคณะทำงาน กทม. ของพรรค ได้พยายามทำหน้าที่ในส่วนของตนเองเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาว กทม.อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทีมงานของพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบระดับน้ำในคลองสายหลัก พบว่าคลองหลายแห่งยังสามารถใช้ระบายน้ำได้อีก

ทั้งนี้ ในฐานะ ส.ส.กทม. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนกฎเหล็กของ กกต. เพื่อให้ ส.ส.ได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ และควรจัดสรรงบกลาง เพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ รวมถึง กทม.อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ควรใช้งบกลางในการยังไว้ในการจัดสรรอำนาจของตนเอง พร้อมทั้งขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดสรรเครื่องสูบน้ำแรงสูงระยะไกล เพื่อเตรียมทอนน้ำไปยังคลองสายหลักสำหรับฝนที่กำลังจะมาอีก และขอให้ทุกภาคส่วนของ กทม.เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเฉียบพลันให้ชาว กทม.อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลปรับปรุงระบบเตือนภัยให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังเช่นวันก่อนเกิดขึ้นอีก เพราะประชาชนไม่รู้ตัวว่าฝนจะตกเมื่อไหร่ ที่ไหน และปริมาณมากน้อยเพียงใด จนก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายเช่นที่เกิดขึ้นในวันนี้ พร้อมทั้งขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่ามัวแต่สร้างภาพลงพื้นที่ชี้นิ้วสั่งการข้าราชการให้แก้ปัญหาน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว

แต่ขอให้ท่านใช้สติปัญญาในฐานะผู้นำประเทศ เร่งวางนโยบายและแผนบริหารจัดการน้ำ ภาคเหนือจรดภาคใต้ ให้เป็นระบบ ครอบคลุม เป็นรูปธรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากอีก เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ผ่านการคิดและหารือร่วมกัน โดยนักวิชาการหลากหลายสถาบัน เป็นแผนจัดการน้ำรวม 10 โมดูล หากดำเนินการในวันนั้น จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ในวันนี้

พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบมาโดยตลอด แต่รัฐบาลไม่เคยเปิดใจรับฟัง ทั้งที่ปี 2554 พล.อ.ประยุทธ์ เคยเดินคู่นางสาวยิ่งลักษณ์ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม แต่ไม่เคยใช้โอกาสนั้นเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยังไม่สายที่จะนำแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทไปดำเนินการ เพราะในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีแผนการบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งแต่อย่างใด แต่เป็นไปเพื่อรักษาอำนาจเท่านั้น หมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ปล่อยให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาบริหารประเทศ

“ขอให้รัฐบาลนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการเตือนภัยล่วงหน้า ป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นจะดีกว่าค่ะ อย่าหันกลับไปใช้ทรานซิสเตอร์อีกเลย เพราะนอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นภาระที่ประชาชนจะต้องจัดหาเงินมาจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้ในการรับข่าวสารจากรัฐบาลอีก” นางสาวธีรรัตน์กล่าว