ปรับ ครม. ประยุทธ์ 2/5 รอประกาศราชกิจจานุเบกษา

นับถอยหลังไม่เกิน 180 วัน หมดอายุสภาผู้แทนฯ (24 มีนาคม 2566) แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังอยู่ในตำแหน่งรักษาการต่อไป จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล จึงลุ้นการปรับ ครม. ประยุทธ์ 2/5 หวังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรี ในนาทีสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง

หลังจาก “ปลด 2 รัฐมนตรี” พ้นจากตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ยังไม่เคยมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกเลย ในช่วง 1 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา

การปรับคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2” ในห้วง 3 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่โปรดเกล้าฯ  นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนาย 2562  มีมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ผ่านการประกาศราชกิจจานุเบกษา 5 ฉบับ

ครั้งแรก วันที่ 10 กรกฏาคม 2562 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี จำนวน 36 คน รวมนายกรัฐมนตรี

สำหรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/1 มีจำนวนทั้งสิ้น 36 คน รวม 39 ตำแหน่ง (รวมนายกฯ) มีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค คือ พลังประชารัฐ (พปชร.) ภูมิใจไทย (ภท.) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) รวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปัจจุบัน คือพรรครวมพลัง และพรรคชาติพัฒนา

ครั้งที่ 2 ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก มีข้อความว่า ด้วยได้มีรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งจำนวน 6 ราย คือ 1.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 2.นายอุตตม สาวนายน 3.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ 3.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ 4.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ 6. ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล

เกิดเป็น รัฐบาล “ประยุทธ์ 2/2”  โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ทดแทน 6 คนที่พ้นจากตำแหน่ง และเพิ่มตำแหน่งให้กับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย จากเดิมดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง

ครม.ประยุทธ์ 2/2 ประกอบด้วย 1.นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง 2.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน 3.นายอนุชา นาคาศัย เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 4.นายปรีดี ดาวฉาย เป็น รมว.คลัง 5.นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็น รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมว.แรงงาน 7.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมช.แรงงาน

ครั้งที่สาม เกิดขึ้นไม่ถึง 1 เดือน หรือราว 27 วัน หลังการโปรดเกล้าฯ นายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจาก รมว.คลัง ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 กันยายน 2563 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก มีข้อความ 3 บรรทัด ระบุว่า “ด้วย นายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายปรีดี ดาวฉาย จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”

การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “ประยุทธ์ 2/3” มีความเปลี่ยนแปลงเพียงตำแหน่งเดียว โดยเป็นการแต่งตั้งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ วัย  64 ปี เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง แทนนายปรีดี ดาวฉาย

ครั้งที่สี่ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 23 มีนาคม 2564 ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี จำนวน 3 ตำแหน่ง คือ 1.นายถาวร เสนเนียม 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

โดยประกาศระบุเหตุผลตอนหนึ่งว่า “บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรี 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 3 รายชื่อ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากถูกศาลพิพากษาจำคุก ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน”

โดย 3 รัฐมนตรีดังกล่าว พ้นจากตำแหน่งเพราะ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 160 (7) และมาตรา 170 (4) ที่กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรีเอาไว้ว่าต้อง “ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด”

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

  1. ให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
  2. ให้แต่งตั้ง-นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็น รมช.คมนาคม-นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม-นายสินิตย์ เลิศไกร เป็น รมช.พาณิชย์-น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เป็น รมว.ศึกษาธิการ

ครั้งที่ห้า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กันยายน 2564 ประกาศให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

ราชกิจจานุเบกษา ครั้งนี้มีความหมายแตกต่างจาก 4 ครั้งที่ผ่านมา เพราะอาศัยคำอธิบายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความหมายว่า “กรณีดังกล่าวถือเป็นการปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากในตัวพระบรมราชโองการได้มีการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 171 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคําแนะนํา”

โดยมีข้อความราชกิจจานุเบกษา ระบุตอนหนึ่งที่แตกต่างจากทุกครั้งว่า “บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ”

“อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี” การพ้นจากตำแหน่งของ 2 รัฐมนตรีล่าสุดเมื่อ 1 ปี 1 เดือนก่อนหน้านี้ จึงนับว่านายกรัฐมนตรีปลดพ้นจากตำแหน่ง

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ รุกเร้าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมเสนอชื่อตัวบุคคลให้พิจารณา แต่ยังไม่มีวี่แววว่า สัญญาณการปรับ ครม.จะดังขึ้น

สถานะคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน หลังจากการลาออกของ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงว่างลงรวม 4 ตำแหน่ง

แหล่งข่าวจากคณะรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์รับทราบสัญญาณปรับ ครม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้มีการปรับรัฐมนตรีในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย แทนนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยคาดว่าโผรัฐมนตรีที่จะมาแทนนายนิพนธ์คือ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ มีบุคคลที่จะเข้าข่ายได้รับการพิจารณามีด้วยกัน 5 คน ผ่านการเป็น ส.ส.มาแล้ว 5 สมัย ได้แก่ นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช, นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา, นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง, นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และ นางรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม

ส่วนพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล เคยแสดงความจำนงกับนายกรัฐมนตรี ไปแล้วว่ายังไม่มีการปรับ ครม. ในส่วนของโควต้าพรรคภูมิใจไทย

แหล่งข่าวจากทีมคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการทูลเกล้าฯ รายชื่อ คณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2/5 แต่การปรับ ครม. ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา จนกว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ไม่ควรลืมว่าธรรมเนียมการปรับ ครม. ยุคประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา ประชาชนและสื่อ รวมทั้งรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก-และได้ปรับเข้า มักทราบข่าวพร้อมกัน เมื่อวันประกาศราชกิจจานุเบกษา ครม.ประยุทธ์ 2/5 อาจต้องรอเวลา…จนกว่าวันนั้นจะมาถึง