ดร.สมเกียรติ ชู 4 ประเด็น Great Remake ประเทศไทย พรรคไหนทำได้ชนะเลือกตั้ง

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์

ดร.สมเกียรติ ทีดีอาร์ไอ หวั่นไทยถูกเพื่อนบ้านแซงไปเรื่อย ๆ ชู 4 ประเด็น Remake ประเทศ ปฏิรูปภาครัฐ ปลดล็อกใบอนุญาต-ยกเครื่องการศึกษา อัพสกิลแรงงาน เสริมความเข้มแข็ง SMEs

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดสัมมนา เรื่อง Thailand 2023 : The Great Remake เศรษฐกิจไทย โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในหัวข้อ The Great Remake เศรษฐกิจไทย ตอนหนึ่งว่า

สาเหตุที่เราต้อง Remake เพราะเราในเวทีโลก ที่ต้องแข่งขันกัน ภายใต้สิ่งแวดล้อม Geopolitics การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เทคโนโลยี สังคม ผู้สูงอายุ และปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เป็น Megatrend ถ้าเราอยู่อย่างนี้ต่อไป เราจะอยู่ไม่ได้

เวียดนามและอินเดียได้อานิสงส์สำคัญกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา เช่น แอปเปิลย้ายฐานจากจีนไปเวียดนาม เป็นการเคลื่อนย้ายซัพพลายเชนที่เกิดขึ้น และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่แปลกใจที่เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงขึ้น และเชื่อกันว่าอาจแซงหน้าประเทศไทย

ดร.สมเกียรติกล่าวว่า การอยู่บนเวทีโลกนั้น นอกจากแต่ละประเทศอยู่ดีกินดีด้วยตัวเองแล้ว ความรู้สึกของประเทศต่าง ๆ คือแข่งขันกันว่ามีตำแหน่งแห่งที่บนเวทีโลกเทียบกันแล้วเป็นอย่างไร สิ่งที่คนไทยรู้สึกต้อง Remake คือ เราจะถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าไปเรื่อย ๆ

การส่งออกของเวียดนามแซงหน้าไปนานพอสมควร และตัวที่แซงมาก่อนหน้านั้นการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างชาติ เพราะได้รับอานิสงส์เหมือนประเทศไทยเมื่อ 30-40 ปีก่อน ช่วงที่เกิดความขัดแย้งบนเวทีโลก เศรษฐกิจโลกมีปัญหา มีสงครามการค้า ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ประเทศไทยในวันนั้นมีประชากรเยอะ มีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนเวียดนามตอนนี้จึงดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมาได้เยอะ แต่เราไม่มีอย่างนี้อีกแล้ว

ถ้าคิดว่าศักยภาพเศรษฐกิจไทยจะโต 3.5-3.6% ในขณะที่เวียดนามเติบโตด้วยโมเมนตัมอย่างนี้ไป แม้เราอยู่ข้างหน้า แต่ประเทศที่วิ่งเร็วกว่าสุดท้ายก็ต้องแซงเราในจุดใดจุดหนึ่ง และถ้าเวียดนามยังเดินหน้าด้วย speed แบบนี้ต่อไปก็จะแซงไทย

สาเหตุที่เวียดนามมาแรง เพราะมีปัจจัยพื้นฐานเอื้อ แรงงานมาก ค่าแรงต่ำ สงครามการค้าหนุนเสริมการลงทุน อิเล็กทรอนิกส์ย้ายมาเวียดนามเป็นพิเศษ เพราะภาคใต้ของจีนแถบเสิ่นเจิ้นเป็นเขตซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ เมื่อย้ายไปอยู่เวียดนามตอนเหนือ การขนส่งทางบกสามารถทำให้การผลิตยังดำเนินต่อไปได้ ต้นทุนการผลิตก็ถูกลง

ตลาดเติบโตเร็ว คนชั้นกลางในเมืองขยายตัวอย่างยิ่ง และรัฐบาลของเวียดนามปฏิรูปประเทศต่อเนื่อง โดยการเข้าเป็นสมาชิก WTO เวียดนามเข้าสู่ FTA ต่าง ๆ ที่สำคัญ เข้าเป็นสมาชิก CPTTP และเจรจาความตกลงการค้ากับยุโรป ทำให้ต้องปฏิรูปประเทศขนานใหญ่ เป็นสิ่งที่ไทยพยายามจะทำแต่ทำไม่ได้ แม้ภาคธุรกิจพยายามให้ทำ แต่เมื่อมีเสียงคัดค้าน รัฐบาลไม่มีความเข้มแข็งพอ จึงทำไม่ได้

ประเทศไทยยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันดีกว่าเวียดนาม แต่อันดับตกลง แต่เวียดนามขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว และขีดความสามารถในการแข่งขันที่ถูกเวียดนามแซงหน้าไปเรียบร้อยแล้วคือ ขีดความสามารถของภาครัฐ การคอร์รัปชั่น การรักษากฎหมาย และคุณภาพของระบบราชการ ทั้งที่ก่อนปี 1997 (วิกฤต 2540) เป็นรองแค่สิงคโปร์ แต่หลังจากนั้นก็ตกลงมา แพ้ทั้งมาเลเซียและเวียดนาม

นอกจากนี้ รัฐไทยยังมีจุดอ่อนสำคัญ ที่ไม่สามารถรักษาการแข่งขันให้เกิดการแข่งขันอย่างเสมอภาค เป็นธรรม ระหว่างธุรกิจใหญ่ ธุรกิจเล็ก พูดตรงไปตรงมาคือ ทุนขนาดใหญ่เอาเปรียบทุนขนาดเล็ก กีดกันการแข่งขัน ผูกขาด”

ดร.สมเกียรติกล่าวถึง 4 เรื่องที่ควร Remake ที่จะเพิ่ม Productivity ของประเทศว่า ในวาระที่ใกล้กับการเลือกตั้ง โดยเลือกประเด็นที่สามารถทำได้ในทางการเมือง ซึ่งพรรคไหนทำจะชนะเลือกตั้งได้ 1.สร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล ถ้าจะเล่นท่ายากจะต้องลุยกับทุนผูกขาด แต่ถ้าเน้นท่าง่าย และได้คะแนนด้วยก็คือสร้างความเข้มแข็ง SMEs

โครงการนี้ก็คือ โครงการที่เอาผู้เชี่ยวชาญเดินเข้าไปในโรงงาน เดินเข้าไปในสถานประกอบการ โดยถือว่าเป็นหมอทั่วไปวินิจฉัยว่า SMEs ที่เดินเข้าไปมีจุดอ่อนเรื่องอะไร แล้วเอาผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแก้ปัญหาแต่ละจุด ซึ่งเคยริเริ่มในรัฐบาลทักษิณ 1 ซึ่งสามารถมาทำใหม่ให้เข้มข้นขึ้นได้

2.เรื่องแรงงาน ถ้าจะเล่นท่ายากต้องปฏิรูปการศึกษาของประเทศ ยกเครื่องกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศหลักสูตร แต่ถ้าจะเลือกทำสูตรง่าย ๆ ก่อน จะต้องสร้างทักษะที่ตลาดต้องการ

โครงการบิ๊กดาต้าตลาดแรงงานของทีดีอาร์ไอ วิเคราะห์ความต้องการของตลาดแรงงานทุกไตรมาส ซึ่งตลาดแรงงานอยากได้งานด้านไอที เบสิกที่สุดก็คือการเขียนโปรแกรม ซึ่งอยากไปดูตัวอย่างของสิงคโปร์ คนขับแท็กซี่สิงคโปร์อายุ 53 ปี เปลี่ยนอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัย 4 ปี แต่เป็นการเข้าคอร์ส 6 เดือน 9 เดือน แล้วสามารถทำอะไรได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น

3.นวัตกรรมมีหลายอย่าง มีนวัตกรรมแบบไฮเทค ซึ่งประเทศไทยควรต้องมีสตาร์ตอัพ ต้องมีบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความเข้มแข็ง ตามโลกให้ทัน คือเรื่องของการลดการปล่อยคาร์บอนนะครับ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ประเด็นที่น่าจะได้คะแนนเสียงคือ เป็นนวัตกรรมที่แก้จนให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะนวัตกรรมที่แก้ปัญหาเรื่องดินเค็ม ที่ในภาคอีสานมีอยู่ 17 ล้านไร่

4.ปฏิรูปภาครัฐ ถ้าในเวอร์ชั่นท่ายากจะต้องเจอกับการต่อต้านจากระบบราชการเยอะ เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงปฏิรูปให้สำเร็จจึงต้องเอาประชาชนมาเป็นพวก คือปฏิรูปภาครัฐเพื่อทำให้ประชาชนทำมาหากินได้ง่ายขึ้น จึงจะมีสิทธิชนะเลือกตั้งได้

เช่น ปรับกฎระเบียบให้ประชาชนทำมาหากินได้ง่ายขึ้น ทำให้คนต่างด้าวมาลงทุนประเทศไทยลงทุนได้ง่ายขึ้น ถ้าดูผลการสำรวจจะพบโจทย์เดิม ๆ ที่ติดอยู่ เช่น เจโทรจะสำรวจธุรกิจญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยปีละ 2 ครั้งต่อเนื่องมา พบผลเดิม ๆ ตลอดเวลาที่นักลงทุนญี่ปุ่นใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยากเห็นคือ พิธีศุลกากรติดแล้วติดอีกแก้ไม่ได้เสียที ติดเรื่องภาษีเงินได้ ติดเรื่องกฎหมายธุรกิจคนต่างด้าว

ซึ่งเป็นเรื่องเบสิกกว่าการขายที่ดินให้คนต่างด้าว ที่ถูกเรียกว่าขายชาติมากมาย มาแก้เรื่องนี้ได้เงินเข้าประเทศ เศรษฐกิจเติบโต ไม่เสี่ยงกับการขายชาติ รวมถึงเรื่องใบอนุญาตทำงาน เรื่องวีซ่า นักลงทุนญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ชาติอื่น ๆ ต้องการทั้งสิ้น