ประยุทธ์ ต้อนรับ เหวียน ซวน ฟุก ชื่นมื่น ครั้งแรกในรอบ 24 ปี ลงนามแลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ สถาปนาบ้านพี่เมืองน้อง ชู “Three Connects” เชื่อม supply chain อีสานไทย-กลางและภาคใต้ของเวียดนาม ผ่านเศรษฐกิจ BCG ลงนามขอนแก่น-นครดานัง เมืองคู่มิตรที่ 19 ปลื้มคู่ค้ารายใหญ่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เห็นพ้องขจัดอุปสรรคนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตร-ปศุสัตว์ อำนวยความสะดวกขนส่งสินค้าไทยผ่านเวียดนามไปประเทศที่สาม เปิดศักราชใหม่ 300 นักธุรกิจไทย-เวียดนาม หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เป้าหมายเดียวกัน เมียนมาปกติสุข
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย (Official Visit) และมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของผู้นำทั้งสอง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
โดยฝ่ายไทยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เยือนไทยครั้งแรกในรอบ 24 ปี
นายอนุชากล่าวว่า นายกรัฐมนตรียินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก และคณะผู้แทนเวียดนามที่เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งการเยือนครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการเยือนไทยครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนาม และเป็นการเยือนไทยของประมุขแห่งรัฐของเวียดนามครั้งแรกในรอบ 24 ปี ซึ่งไทยและเวียดนามจะต้องจับมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเข้มแข็ง พร้อมยินดีที่ทั้งสองประเทศจะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะในโอกาสที่ปีหน้าจะครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์
ด้านประธานาธิบดีเวียดนามขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยที่ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรีที่อบอุ่นของความเป็นพี่น้องกัน ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามและไทยได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งไทยคือเพื่อนที่ใกล้ชิดที่เวียดนามให้ความสำคัญ สามารถหารือเพื่อสร้างสรรค์ความร่วมมือ สร้างสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทั้งในกรอบของอาเซียน ภูมิภาค และโลก พร้อมยินดีกับการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ซึ่งเวียดนามยินดีสนับสนุนความร่วมมือเพื่อให้การประชุมเอเปคในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
หวังกลับไปสานต่อประชุม JCR ครั้งที่ 4
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเวียดนามได้หารือในประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและเวียดนามมีการแลกเปลี่ยนการเยือนและหารือระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอุปสรรคในสถานการณ์โควิด-19 โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้ต้อนรับรองประธานาธิบดีเวียดนามเยือนไทยเมื่อเดือนมิถุนายน
นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพบปะกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะได้เยือนเวียดนามเพื่อร่วมการประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 4 โดยวันพรุ่งนี้จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมด้านความมั่นคงไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ที่กระทรวงกลาโหม โดยเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง (JWG on PSC) ครั้งที่ 12 ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีเสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือระหว่างประเทศ ตลอดจนการดูแลความมั่นคงด้านการประมงที่คำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย
ขจัดอุปสรรคการนำเข้า-ส่งออก
ด้านเศรษฐกิจ ไทยและเวียดนามเป็นคู่ค้าที่สำคัญระหว่างกันในอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเร่งอนุญาตการนำเข้า-ส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรประเภทผัก ผลไม้ ข้าว และสินค้าปศุสัตว์ และเร่งรัดจัดทำความตกลงและกลไกเจรจาด้านการเกษตรระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านเวียดนามไปประเทศที่สาม
รวมทั้งเห็นพ้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยาและเวชภัณฑ์ ด้านการลงทุน ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนนักลงทุนให้เข้ามาทำธุรกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมยินดีกับการจัดตั้งหอการค้าไทยในเวียดนาม หรือ ThaiCham เมื่อปี 2564 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
ด้านประธานาธิบดีเวียดนามเห็นว่า ทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ซึ่งกันและกัน จำนวนกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมชื่นชมที่ทั้งสองฝ่ายมีเสถียรภาพมากในการเพิ่มมูลค่าสินค้าต่างตอบแทน และยินดีที่จะขยายธุรกิจด้านพลังงานสีเขียว รวมทั้งโลจิสติกส์
ในส่วนของการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในด้านอื่น ๆ ได้แก่ ด้านคมนาคม-ทั้งสองฝ่ายจะเร่งเจรจาเพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างไทยกับเวียดนามในทุกด้าน ทางบก ผ่านการปรับปรุงถนน R12 ใน สปป.ลาว และการจัดทำความตกลงเดินรถโดยสารไทย-ลาว-เวียดนาม และทางน้ำผ่านความตกลงเดินเรือชายฝั่งไทย-กัมพูชา-เวียดนาม
ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล-ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารแห่งชาติเวียดนามได้เริ่มพัฒนาการเชื่อมโยงเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านระบบ QR code ระหว่างกัน โดยในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการเงิน e-commerce ด้าน 5G และ 6G
ขอนแก่น-นครดานังเมืองคู่มิตรที่ 19
นายอนุชากล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทาง Three Connects ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน หรือ supply chain ในอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน 2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและท้องถิ่น โดยเฉพาะระหว่างภาคอีสานของไทย กับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม 3.การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืน ผ่านการประสานนโยบายระหว่าง โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยกับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียวของเวียดนาม ประธานาธิบดีเห็นพ้องกับนายกรัฐมนตรี และยินดีที่จะส่งเสริมผลิตผลข้าวเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค
ด้านการพัฒนาและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ทั้งสองฝ่ายพร้อมต่อยอดความร่วมมือด้านวัฒนธรรมมากขึ้น ผ่านวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งเสริมการพัฒนาของชุมชนชาวเวียดนามในไทย โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้จัดกิจกรรมฉลองการครบรอบ 45 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตในปีที่ผ่านมา รวมทั้งเห็นว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรกับไทยมากที่สุดเป็นอันดับต้น คือ 18 คู่ ซึ่งในวันนี้จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจเมืองคู่มิตรระหว่าง จังหวัดขอนแก่นกับนครดานังอีกคู่หนึ่งด้วย ขณะที่ประธานาธิบดีเวียดนามยินดีมีความชื่นชมบทบาทของสมาคมมิตรภาพของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีศักยภาพอย่างมากในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ด้านความเป็นหุ้นส่วนในอนุภูมิภาคและภูมิภาค ไทยและเวียดนามจะประสานท่าทีและความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะกรอบ ACMECS และอาเซียน โดยเห็นพ้องที่จะสนับสนุนความเป็นเอกภาพภายในอาเซียนและร่วมกันแก้ไขปัญหาตาม ASEAN สำหรับความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพัฒนา ACMECS เพื่อให้ประเทศลุ่มน้ำโขงร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตตัวเอง
หนุนภูเก็ตเจ้าภาพเอ็กซ์โป 2028
ในส่วนการบริหารจัดการน้ำ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรส่งเสริมความร่วมมือกันให้มากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างการหาเสียงให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษในปี 2028 โดยเชื่อมั่นว่า งาน Expo 2028 Phuket จะเป็นเวทีสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งประธานาธิบดีเวียดนามยินดีสนับสนุนไทยในการเลือกตั้งในกรอบองค์การนิทรรศการโลก (BIE) ในเดือนมิถุนายนของปีหน้า (2566) ที่กรุงปารีส
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีอวยพรและเป็นกำลังใจให้ประธานาธิบดีเวียดนามประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ และขอให้ประธานาธิบดีเวียดนาม ซึ่งเป็น “มิตรแท้ของไทย” ช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามให้มีความแน่นแฟ้นและก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป
แลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ
นายอนุชากล่าวว่า หลังจากนั้นที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในการแถลงข่าวร่วมกับนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเวียดนามร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง 5 ฉบับ ได้แก่ 1.แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งไทย-เวียดนามในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2565-2570)
2.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคดีแพ่ง 3.บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างราชอาณาจักรไทยกับนครดานัง
4.บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม และ 5.สัญญาสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ กับธนาคารพาณิชย์เพื่อการค้าระหว่างประเทศแห่งเวียดนาม
300 นักธุรกิจไทย-เวียดนามหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ใหม่
นายอนุชากล่าวว่า ในส่วนของถ้อยแถลงการแถลงข่าวร่วม นายกรัฐมนตรีกล่าวเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยการเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทย เวียดนาม และประเทศในภูมิภาคต่างกำลังเผชิญความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจ จากความผันผวนในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ทุกประเทศกำลังเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและ
สังคมจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทั้งสองประเทศจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนการเร่งฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในวันพรุ่งนี้จะมีกิจกรรมทางธุรกิจไทย-เวียดนาม นักธุรกิจของทั้งสองประเทศจะมารวมตัวกันกว่า 300 คน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเปิดศักราชใหม่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยเฉพาะในโอกาสที่จะครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปีหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญ นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และจะประสานงานเพื่อจัดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม
ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญร่วมกัน โดยมีผลลัพธ์ที่สำคัญ ดังนี้
ด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วน เพื่อสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน โดยจะแลกเปลี่ยนการเยือนและการปรึกษาหารือในกรอบและกลไกด้านการเมือง ความมั่นคง และการทหาร ทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
ด้านเศรษฐกิจ ไทยและเวียดนามเห็นพ้องกันที่จะผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมของทั้งสองประเทศและภูมิภาค ครอบคลุมทั้งการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม การเงิน การธนาคาร และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งจะเร่งอำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
นอกจากนี้ ไทยและเวียดนามจะรวมพลังทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไปข้างหน้ายิ่งขึ้น ตามแนวทาง “ทรีคอนเน็กซ์” (Three Connects) คือ 1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในสาขาที่เกื้อกูลกัน 2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคอีสานของไทยกับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม และ 3.การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะ BCG กับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของเวียดนาม
เป้าหมายเดียวกันเมียนมาสันติสุข
ด้านการพัฒนาและประชาชน ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยเฉพาะผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ประชาชนและท้องถิ่นเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากโครงการให้ความช่วยเหลือจากไทย รวมทั้งจะใช้ประโยชน์จากกรอบกลไกความร่วมมือในระดับประชาชนและท้องถิ่นระหว่างจังหวัดไทยและเวียดนาม และสมาคมมิตรภาพต่าง ๆ
ด้านความท้าทายในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรประสานท่าที และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบ ACMECS และอาเซียน เพื่อให้ภูมิภาคนี้มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง พร้อมให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพและความเข้มแข็งของอาเซียน
รวมทั้งไทยและเวียดนามมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องเมียนมา คือต้องการให้คลี่คลายสถานการณ์และความเป็นปกติสุขกลับคืนสู่เมียนมาโดยเร็ว โดยเชื่อว่าการดำเนินการของอาเซียนตามแนวทาง ASEAN Way บนพื้นฐานของความร่วมมือ การปรึกษาหารือกัน และฉันทามติร่วมกัน (Cooperation, Consultation, Consensus) จะคลี่คลายปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวร่วม นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี และนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก