ศุภชัย ลั่น ฟ้องทนายตั้ม-ไฮโซสาว พาดพิงลวง 25 ล้าน เสียหายถึงลูกสาว

ศุภชัย โพธิ์สุ

รองประธานสภา ศุภชัย โพธิ์สุ แถลงเล็งฟ้อง “ทนายตั้ม-ไฮโซสาว” หลังถูกพาดพิงไปโยงกับอดีตผู้ช่วยเลขาฯ ลวงเงิน 25 ล้าน ทำให้ลูกสาวเสื่อมเสียทั้งที่เป็นโสด กระทบโอกาสได้ลูกเขย

วันที่ 4 ธันวาคม 2565 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคภูมิใจไทย จ.นครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แถลงว่าจะดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีให้ข้อมูลต่อสาธารณชนที่พาดพิงมาถึงตนและลูกสาว ทั้งที่ฟังข้อมูลด้านเดียว และพยายามลากให้เป็นประเด็น

กรณีนี้ทนายตั้มออกมาเปิดเผยว่า มีอดีตผู้ช่วยเลขานุการของรองประธานสภาผู้แทนฯ คนหนึ่ง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.หญิง และเป็นสามีของนายก อบจ.คนนี้ด้วย แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ชายคนนี้ได้ลวงเงินจำนวน 25 ล้านบาทจากนักธุรกิจสาวไฮโซฯ เพื่อหลอกช่วยเคลียร์คดีให้

นายศุภชัยกล่าวว่า เคยรู้จักกับผู้ช่วยคนดังกล่าวจริง เป็นคนที่เข้ามาขอช่วยงานในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งรองประธานสภา เห็นว่ามีโปรไฟล์ดีจึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภา และได้มอบหมายให้มาช่วยงานลูกสาว จังหวะที่ลูกได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ.นครพนม แต่หลังจากทำงานได้ 2-3 เดือนบุคคลดังกล่าวได้ลาออกไป โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสมกับงาน และไม่ได้ติดต่อหรือเกี่ยวข้องกันอีก ส่วนตัวไม่เข้าใจว่า หากมีการต้มตุ๋นกัน เหตุใดจึงไม่ไปฟ้องร้องดำเนินคดี

“สิ่งที่ผมรู้สึกไม่สบายใจ คือการเอาเรื่องลูกสาวมาประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นภรรยาที่ไม่จดทะเบียน ทั้งที่ลูกผมเป็นโสด และแม้ว่ากินข้าวกับผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยกินตามลำพัง จึงถือว่าเป็นการทำให้ลูกสาวผมและตัวผม ตลอดจนครอบครัวได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียเกียรติยศ เพราะลูกสาวผมมีหน้ามีตาในสังคม ไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย และผมก็ยังหวังว่าจะได้ลูกเขย จึงจำเป็นที่จะฟ้องดำเนินคดีกับทนายตั้ม และผู้ให้ข้อมูลภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม หากทนายตั้มแถลงขอโทษก็อาจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมเป็นลูกผู้ชายพอ” นายศุภชัยกล่าว

สำหรับกรณีที่เรื่องนี้มีการพาดพิงถึงนายเนวิน ชิดชอบ นายศุภชัยกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ มีเพียงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคที่ได้โทรศัพท์สอบถาม และแนะนำให้ชี้แจงไปตามความจริง

ส่วนแถลงกรณีมีข่าวว่าคณะกรรมาธิการ จริยธรรม สภาผู้แทนฯ เตรียมเสนอวาระเข้าสภาเพื่อพิจารณาเอาผิด หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่านายศุภชัยครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย ที่บริเวณ ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น นายศุภชัยกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ตนเองเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไปแล้ว

ตนเองครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2532 ทำการเกษตรจำนวนประมาณ 200 ไร่ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่ ร.ร.บ้านท่าหนามแก้ว ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และมาเป็น ส.ส.เมื่อปี 2544 นั่นย่อมแสดงว่าไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ความเป็น ส.ส. เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเหล่านั้นแต่อย่างใด

“ผมขอร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาเร่งให้ กมธ.จริยธรรมเร่งตรวจสอบ ให้สิ้นสุดกระแสความในสภาชุดนี้ แม้จะมีคนบอกว่าให้อยู่เฉย ๆ เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นสุดสภา และเรื่องที่กรรมาธิการจะสิ้นสุดไป ซึ่งสุดท้ายหากผลการตรวจสอบออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมน้อมรับ”

นายศุภชัยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวในสมัยตนเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ในปี 2553 ก็เคยถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องดังกล่าว อีกทางหนึ่งก็ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้มีการตัดสินอะไรออกมา ย่อมสันนิษฐานได้ว่าไม่มีความผิดอะไร