คณาพจน์ Man behind อุ๊งอิ๊ง หนุนครอบครัวเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง’66

คณาพจน์ โจมฤทธิ์
คณาพจน์ โจมฤทธิ์
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

เขาคือคนที่ยืนข้างกาย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย บนพื้นที่ทางการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

เขาเป็นทั้งเพื่อน และอาจเปรียบประหนึ่ง “มือขวา”

ไม่ว่า “แพทองธาร” จะลงรถ ขึ้นเวทีหาเสียง แหวกวงล้อมแฟนคลับ ก็จะเห็นชายผู้นี้อยู่ข้างกาย

เหนือกว่านั้น เขายังเป็นหนึ่งในทีมมันสมอง think tank ของพรรคเพื่อไทยในนามผู้อำนวยการโครงการ change maker

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวน “คณาพจน์ โจมฤทธิ์” หรือ เอิง เพื่อนสนิทแพทองธารตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ กระทั่งเป็นเพื่อนขบคิดทางการเมือง มาสนทนาถึงบทบาท man in behind แพทองธาร หลังเวทีเลือกตั้ง

ทีมการเมือง อุ๊งอิ๊ง ใครทำอะไรบ้าง

คณาพจน์ ออกตัวก่อนสนทนาว่า อยากจะ low profile มากกว่าอยู่ในกระแส และขอเป็นเพียงหนึ่งในฟันเฟืองทีมงานเบื้องหลังของโปรเจ็กต์หาเสียง เพราะ “แพทองธาร” ทำงานเป็นทีม

ADVERTISMENT

“หน้าที่หลักของผมดูเรื่องตารางงาน รูตหาเสียงทั้งหมด ประสานงาน ส.ส.พื้นที่ ประสานทีมนโยบาย ทีมพื้นที่หาเสียง ทีมล่วงหน้า ผมเป็นคนกลางประสานทั้งหมด มาลงตารางไหม ยังไง ส่วนพี่เต้น (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย) ก็จะดูรูปแบบการปราศรัยทั้งหมด ว่าเวทีนี้เป็นรูปแบบนี้ คอนเทนต์นี้ ใครปราศรัยบ้าง แต่ส่วนผมจะดูภาพรวมและจัดให้ลงตัวทุก ๆ ทีม”

“คุณอิ๊งทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ เรามีหลายส่วนช่วยกันทำงาน มันทำให้ทุก ๆ ครั้งที่ออกไปทำงาน มันมีความมั่นใจ ช่วยกันรับผิดชอบ คุณอิ๊งก็เป็นคนช่วยดูภาพใหญ่ แล้วตัดสินใจ”

ADVERTISMENT

แต่สิ่งที่คนภายนอกเห็น เขามีหน้าที่คล้ายกับเป็น บอดี้การ์ด-วอลล์เปเปอร์ประจำตัว ทว่า คณาพจน์ เห็นแย้ง “ไม่หรอกครับ มีทีมงานหลายคนช่วยกันดู เราเป็นเพื่อนกันก็ช่วยกันทำเต็มที่”

“บางทีมีชาวบ้านเข้ามากอด ขนาดมีทีมงานดูแล 3-4 คน ยังไม่ทันชาวบ้านเลย บางคนเข้ามาโอบ เข้ามากอด บางคนวิ่งมาหอมแก้มเลยก็มี เรายังตกใจที่มีคุณป้าเข้ามา บอกว่าคิดถึงคุณพ่อทักษิณมากเลย แล้วหอมแก้มคุณอิ๊งเลย เราก็ห้ามไม่ทัน และตอนนี้ท้องใหญ่ กอดแน่น ๆ ก็จุก เราก็ต้องช่วยกันดูแล อยากให้อยู่ยาวที่สุด เดี๋ยวจะลงพื้นที่หาเสียงไม่ได้ เราก็เลยเซฟ ๆ ให้ปลอดภัยที่สุด”

“เราดูรอบ ๆ ดูภาพรวม เรียกว่ารู้มือกัน อยู่กันมานานจะรู้ว่าอะไรเป็นยังไง ก็ช่วย ๆ กันครับ”

เอิง-อุ๊งอิ๊ง ในขบวนหาเสียง

ก่อนจะมาเป็นบุคคลข้างกายในวงการเมือง “คณาพจน์” บอกว่าเขากับ “แพทองธาร” รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ จึง “รู้มือ” เพราะเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน-สนิทกัน

“ผมรู้จักคุณอุ๊งอิ๊งตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนปี 1 รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วไปเรียนต่อที่อังกฤษ ผมเรียนกฎหมายกับการทูต แต่คุณอิ๊งไปเรียนเรื่องธุรกิจโรงแรม”

“ผมเรียนในลอนดอน ส่วนมหาวิทยาลัยที่คุณอิ๊งเรียนอยู่นอกลอนดอน แต่คุณอิ๊งแวะลอนดอนบ่อย มากินข้าว ช็อปปิ้ง ก็เจอกัน”

ถามเอิง – คณาพจน์ ว่า เวลาอยู่ในรถด้วยกันระหว่างเดินทางหาเสียงด้วยกัน คุยเรื่องการเมืองกันหรือไม่

เอิงตอบว่า “คุยกันเรื่องทั่วไป เป็นยังไงบ้าง ช่วยกันดู เพราะผมเป็นคนดูตารางงานทั้งหมด คุยกัน ช่วยคลายเครียดกันมากกว่า เพราะผมสนิทกันมา 20 ปี อยู่ด้วยกันตลอด อยู่อังกฤษก็เจอกัน กินข้าวด้วยกันตลอด”

แล้วเวลา “อุ๊งอิ๊ง” เวลาคิดถึงน้องธิธารลูกสาวทำอย่างไร “คณาพจน์” เล่าว่า “เฟซไทม์กันตลอดในรถ คุณปอ (ปอ ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีแพทองธาร) ก็ โทร.มา ให้คุยกับธิธาร ว่าเป็นยังไงบ้าง น้องธิธารก็เรียกแม่ ๆ ตลอด”

ส่วนตัวเขาก็มีลูกเล็ก ๆ เช่นกัน คณาพจน์บอกว่า “ตอนนี้ลูกเล็ก 2 เดือน กลับบ้านเป็นกำลังใจก็ต้องวิ่งไปเล่นกับลูก เช้า ๆ รอเขาตื่นก็หายเหนื่อย แต่เสียดายที่ลงเลือกตั้งต้องหาเสียง เสาร์-อาทิตย์ ไม่ค่อยได้อยู่กับที่บ้านเท่าไหร่ แต่อาศัยช่วงวันธรรมดา แค่เห็นลูกยิ้มก็หายเหนื่อยแล้ว”

เบื้องหลังทีมงานหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มีหน่วยล่วงหน้า หน่วยเวที หน่วยคอนเทนต์ ฯลฯ หลายสิบชีวิตประสานกันในแต่ละเวที

แพทองธาร ยังเป็นตัวหลัก หัวใจสำคัญต่อไปในทุกเวทีหาเสียง แม้ตอนนี้เธอตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ 7

ตามโปรแกรมที่พรรคเพื่อไทยวางไว้ในปลายสัปดาห์นี้ พรรคเพื่อไทยจะปราศรัยอีสานใต้ ทั้ง นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ต่อกรกับคู่ปรับอย่างพรรคภูมิใจไทย แต่หลังจากนั้น ภารกิจของ “แพทองธาร” จะขยับโซนหาเสียงใกล้ กทม.มากขึ้น เพราะใกล้คลอด

แต่ทุกภารกิจของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ยังมี “เอิง-คณาพจน์” เป็นทีมงานคู่ใจต่อไป แม้ว่าจะมีแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 มารับช่วงต่อ

“คงต้องดูไปจนถึงการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม แต่คุณอิ๊งอาจไปได้แค่ใกล้ ๆ เวทีใหญ่อาจเป็นหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค หรือท่านสุทิน คลังแสง”

“ส่วนแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ อาจจะต้องช่วยดูแล ช่วยดูไปเรื่อย ๆ เพราะทำงานเป็นทีม ไม่ใช่แค่คนเดียว หลายคนช่วยกันทำ”

 passion การเมือง ของคณาพจน์

ก่อนหน้าที่คนนอกวงการการเมืองจะรู้จัก “คณาพจน์” ในนามรองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เขาเคยเรียนรู้งานการเมือง โดยทำงานร่วมกับ“ภูมิธรรม เวชยชัย” นักการเมืองหัวหอกพรรคเพื่อไทยมาก่อน

กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ใน ทษช. แต่เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำแคมเปญหาเสียงสมัย ทษช.มาปรับใช้กับทีมเบื้องหลังหาเสียงพรรคเพื่อไทย

“สมัยไทยรักษาชาติผมก็ทำนะ ตอนนั้นทำแคมเปญเลือกตั้ง ดูภาพรวมด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นพรรคเล็ก คนไม่เยอะเหมือนพรรคเพื่อไทย ก็ทำกันทุกอย่าง ลงพื้นที่ทั้งภาคใต้ ภาคอีสาน”

“แต่ของพรรคเพื่อไทยโหดกว่า หาเสียงทริปยาว กระชั้นด้วย และมีเงื่อนไขที่คุณอุ๊งอิ๊งตั้งครรภ์ด้วย จะต้องดูเวลาที่เหมาะสมประมาณไหน ทำอะไรได้บ้าง อย่างเดือนมีนาคมก็เดินทางไกลไม่ค่อยได้แล้ว เพราะเงื่อนไขแบบนี้”

“ผมมี passion กับการเมือง เพราะผมเรียนรัฐศาสตร์ เราผ่านการเมืองช่วงร้อนแรง มีการแบ่งสีเสื้อ เรารู้สึกว่าเอ๊ะ สังคมมันดีกว่านี้ได้ ควรจะทำอะไรสักอย่างได้”

“ความจริงผมทำอะไรก็ได้ ที่ให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปได้ ทำงานเบื้องหลัง เบื้องหน้า ทำได้หมด ทุกวันนี้ทำงานเบื้องหลังก็สนุกดี ทำให้เราได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่าง ทีมนโยบาย ทีมปราศรัย ทีมแคมเปญออนไลน์เราก็ช่วยทำ ก็ได้ประสบการณ์”

“แต่ผมยอมรับ ไม่ชอบงานเบื้องหน้า เพราะไม่ใช่เรา ต้องลงพื้นที่ทุกวัน เรามันเด็กเนิร์ดด้วยมั้ง ชอบทำนโยบาย วางแผน เราช่วยทำได้”

แม้จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เหลือ 6 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ทำงานเบื้องหลังไปเรื่อย ๆ

หนึ่งในโปรเจ็กต์สำคัญที่เขาทำกับพรรคเพื่อไทย คือโครงการ chang maker ในฐานะผู้อำนวยการโครงการ ที่รวบรวมคนรุ่นใหม่ 100 คน สร้างนวัตกรรมทางความคิด สู่โปรเจ็กต์นโยบายพัฒนาประเทศ

“ตอนนั้นพรรคอยากมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มีคนรุ่นใหม่มาทำงานเยอะขึ้น เราก็เอ๊ะ ทำไงดีที่จะ recruit คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในพรรคให้มากขึ้น จึงเกิด change maker ขึ้นมา”

“ทุกวันนี้ทีมงาน change maker ก็กลายมาเป็นทีมงานเบื้องหลังคือ คนทำงาน 30 คนในพรรค เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในอีสานก็มี 2-3 คน บางคนตอนนี้ทำงานท้องถิ่น ได้เป็น ส.ก. ได้เป็นทีมงาน อบจ. อบต. ส.จ. เยอะเหมือนกัน เวลาเราลงพื้นที่ไหนก็เจอเด็กของเรา เพราะตอนนั้นเรารับสมัครมา 100 คน ก็มาจากทั่วประเทศ”

ผลผลิตที่ออกดอกออกผลคือ นโยบาย telemedicine ยกระดับให้บริการการแพทย์ ต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ digital transformation ครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล (platform digital government) ที่ใช้ได้จริง ต่อไปเราจะมีทั้งนโยบายคนเมือง คนชั้นกลาง อีกเยอะ ต้องลองดู บางส่วนเป็นผลผลิตจาก change maker ซึ่งทีมนโยบายส่วนมากมาจาก change maker

“ตอนทำ change maker ลุยเต็มที่ ไปเก็บข้อมูลช่วยน้อง ๆ ในทีมทำ ถ้าไม่ติดเลือกตั้งยังคุยกับที่พรรคว่าจะทำอีกรุ่นหนึ่ง เพราะเหมือนเด็ก ๆ หลายคนถามว่าเมื่อไหร่มีรุ่น 2 แต่มันใกล้เลือกตั้งมาก ทำไม่ทันจริง ๆ เอาไว้นิ่ง ๆ ค่อยทำอีกเรื่องหนึ่ง”

นอกจากนี้ ยังปรับลุกให้พรรคเพื่อไทยดูวัยรุ่น-ทันสมัยขึ้น “หัวหน้า (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ดูวัยรุ่น หล่อสุดในสภา (หัวเราะ) ส่วนกลางตอนนี้ทีมว่าที่ผู้สมัคร หรือผู้สมัคร ส.ส. ก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเยอะมาก เช่น คุณอ๋อม สกาวใจ ที่เพิ่งเปิดตัวไป ผมถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่นะ ก็เข้ามาช่วยสร้างสีสันได้เยอะเหมือนกัน เดี๋ยวยังมีแคมเปญอีกเยอะในช่วงมีนาคม

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยดีอยู่แล้ว เวลาผ่านไปก็มีอะไรที่เสริมเติมมากขึ้น ก็จะทำให้พรรคกระชุ่มกระชวยมากขึ้น”

คำถามสุดท้าย ถ้าเพื่อนสนิท-แพทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี “คณาพจน์” ก็ต้องช่วยงานในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่

“โห… อยู่ที่ไหนก็ช่วยได้ครับ ช่วยจากที่พรรค ช่วยจากที่บ้าน ได้หมดทุกที่ เราช่วยกันทำงานดีกว่า คุณอุ๊งอิ๊งทำงานเป็นทีม เป็นสิ่งสำคัญ”