เศรษฐา เข้าเพื่อไทยวันแรก รับไม้ต่ออุ๊งอิ๊ง หาเสียงเลือกตั้ง 66

เศรษฐา รับยังเป็นน้องใหม่ในเพื่อไทย ใช้ประสบการณ์ธุรกิจ 30 ปี เป็นที่ปรึกษา อุ๊งอิ๊ง ให้เกียรติพรรคตัดสินนั่งเก้าอี้แคนดิเดตนายกฯ

วันที่ 1 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 10.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ

โดยมีแกนนำพรรคอาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับ

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการรับตำแหน่งในพรรคเพื่อไทยว่า ส่วนตัวมีความพร้อม เพราะก่อนหน้านี้ได้สมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยหลายเดือนแล้ว และได้มีส่วนร่วมให้คำปรึกษา คุยกับสมาชิกและผู้ใหญ่ในพรรคหลาย ๆ คนมาตลอด วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น

ส่วนเรื่องการช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งหลังจากนี้ ก็ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่จริง ๆ การหาเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ทำมาได้ดีแล้ว แต่ที่ทราบว่าคนท้อง 7 เดือนมีขีดจำกัดในการลงพื้นที่บ้าง ส่วนตัวก็พร้อมช่วยในลักษณะที่ตนเองถนัด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเดินไปสู่ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “โอ้ย…อย่าไม่ถึงขั้นนั้นเลยครับ เอาทีละขั้นทีละตอนก่อน เพราะยังมีขั้นตอนที่จะต้องทำงานอีกหลายเรื่อง ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย มีอีกหลายคนที่เหมาะสม และอยู่กับพรรคมานาน ซึ่งตนมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มส่วนที่คิดว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้

เศรษฐา

เศรษฐา พร้อมช่วยเพื่อไทยหาเสียง

เมื่อถามว่า จะมานำทัพหาเสียงต่อจาก น.ส.แพทองธาร หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็คงต้องลงไปช่วยหาเสียง และสำคัญมากกว่านั้น ในส่วนตนทำธุรกิจ และอยู่แต่ในเมืองหลวง ดังนั้น การลงพื้นที่ต่างจังหวัดไปฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ

การลงพื้นที่เป็นหนึ่งในกิจกรรมทำต้องทำ แต่จะต้องมีความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่ และทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด หลาย ๆ ครั้งจำเป็นต้องลงไปฟังความคิดเห็นของผู้นำท้องถิ่นด้วย ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ส่วนจะเริ่มลงพื้นที่ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงที่ จ.นครราชสี ในวันที่ 4 มีนาคมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอคิดดูก่อน ต้องคุยผู้ใหญ่ในพรรคก่อนว่ามีแพลนอะไรไว้ แต่ตนพร้อม แล้วแต่พรรคอยากให้ทำอะไรบ้าง แต่ก็ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปด้วย

เมื่อถามว่า การเข้ามาวันนี้ถือว่ากระชั้นไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่เหมาะสม พรรคเข้าถึงประชาชนได้ มีนโยบายที่เป็นภาพใหญ่ที่ดี เคยทำงานและมีบทพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำได้ ฉะนั้นเรื่องระยะเวลาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเวลากระชั้นชิดมาก็ต้องทำงานหนักขึ้น ส่วนจะ 60 วัน หรือ 75 วัน ไม่ใช่ประเด็นเพราะเรามีทีมงานที่พร้อมที่จะทำให้ได้

ส่วนจะเรียกว่านำทัพเพื่อไทยหาเสียงทั่วประเทศหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “อย่าใช้คำว่านำทัพเลยครับ เพราะมีผู้ใหญ่หลายท่าน และมีคนคุณภาพเยอะก็มาช่วยกัน ร่วมทัพก็คงเห็นบ้าง”

เศรษฐา น้องใหม่เพื่อไทย

เมื่อถามพร้อมที่รับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า ต้องให้เกียรติ ถ้าไปพูดก่อน อาจมีหลายท่านที่มีความสามารถ และพรรคกำลังคิดอยู่ ผมไม่อยากไปกดดันทางพรรคอย่างนั้น ต้องให้เกียรติกัน

“ผมเป็นเหมือนน้องใหม่ พรรคเพื่อไทยมีคนคุณภาพที่เพรียบพร้อมหลายคน ส่วนเรื่องพร้อมหรือไม่พร้อม ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องเป็นคนพูด เป็นเรื่องของระบอบพรรคการเมืองที่ต้องเข้าใจ เพราะเราไม่ใช่คนตัดสิน ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค ให้เกียรติผู้บริหารพรรคด้วย”

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ไปถึงวันนั้นก่อนดีกว่า วันนี้ยังไม่ยุบสภาเลย วันนี้ขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อน ก็พยายามทำเต็มที่ให้ดีที่สุด

“ผมพยายามไม่คิดมาก เป็นวันต่อวันไป วันนี้มาให้หน้าที่คำปรึกษา คำแนะนำในฐานะนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มา 30 กว่าปี หวังว่าคำแนะนำและข้อเสนอแนะของผมจะเป็นประโยชน์กับพรรคการเมือง ส่วนขั้นตอนต่อไปขอเป็นเรื่องอนาคต และอีกไม่นานก็จะเลือกตั้งคงจะมีขั้นตอนต่อไป”

พร้อมรับฟังประยุทธ์

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ พาดพิงถึงว่าประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ โดยระบุว่า “พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ ท่านพูดอะไรผมมีวัยวุฒิน้อยกว่า ท่านพูดอะไรมาผมก็ต้องฟัง คงไม่มีความคิดเห็นไปมากกว่านี้”

เมื่อถามว่า ตอนนี้เคลียร์งานด้านธุรกิจหมดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็จะใช้เวลาเยอะขึ้น ต้องถามผู้ใหญ่ในพรรคว่าจริง ๆ แล้วการที่ตนมีบทบาทอย่างไร ถ้าเขาขอให้มาช่วยก็จะหาเวลาเข้ามาบ่อยขึ้น แต่คงยังไม่ 100% ขอค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ไปก่อน

ส่วนการจัดสรรเวลานั้นที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็แบ่งสรรปันส่วนได้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องครอบครัว สังคม ธุรกิจ หรือช่วยเหลือบ้านเมืองด้านคำแนะนำ เราบาลานซ์เรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ดีที่สุด

ชลน่าน

เปิดคำสั่ง เศรษฐา ที่ปรึกษาอุ๊งอิ๊ง

ก่อนหน้านี้ เวลา 09.45 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงโดยอ่านคำสั่งของพรรคเพื่อไทยว่า คำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 001/2566 เรื่องแต่งตั้งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ได้รับทราบการเปิดตัวโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” และต่อมาได้มอบหมายให้ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมดังกล่าว

และต่อมาได้มีคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0004/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” ลงวันที่ 1 เมษายน 2565 ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวจะต้องทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศจึงต้องอาศัยบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมนี้เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 63(7) จึงให้แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ในการเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมืองของภาคประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปโดยจำกัด ทั้งการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และการร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมือง

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงแสวงหาแนวทางการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เพื่อลดข้อจำกัดดังกล่าว ครอบครัวเพื่อไทยจึงเกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางดำเนินการการมีส่วนร่วมให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม”

ซึ่งนายเศรษฐาสามารถเข้าร่วมการรณรงค์หาเสียงได้ในทุกมิติ ทั้งผ่านสื่อออนไลน์ และการปราศรัยในแต่ละเวที เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความนิยมได้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งภาคธุรกิจ และคนรุ่นใหม่ ในเรื่องของการเพิ่มคะแนนเสียง อยู่ที่พรรคเพื่อไทยว่าจะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนจนถึงการเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง

โดยจากนี้ไปแนวทางการทำงานทางการเมืองของนายเศรษฐา กับพรรคเพื่อไทย และครอบครัวเพื่อไทยจะเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ส่วนจะเป็น 1 ในว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยหลังจากพรรคได้ประกาศรายชื่อผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยครบทุกเขตแล้ว จึงจะสามารถประกาศรายชื่อว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ในช่วงหลังประกาศยุบสภา ตามไทม์ไลน์ที่ได้กำหนดเอาไว้


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนนายเศรษฐา จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรือไม่นั้น เรามีคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ความเหมาะสมใครจะมาเป็นหัวหน้าทีมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสในแต่ละช่วง เป็นข้อพิจารณา ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใด ๆ ไม่มี