เจาะแผนลับ เงินบัตรประยุทธ์ นโยบายจ่ายคนละครึ่ง ดึง ส.ส. 80 คน

ประยุทธ์

ทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งการตอบโต้พรรคร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และการใช้โพเดียมตึกนารีสโมสร เป็นเวทีตีปี๊บผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำแล้ว-ทำอยู่ ทำต่อไปทุกเม็ด

เจาะไปที่นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลึกลงไปในพิมพ์เขียวทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ เร่งด่วน 1 ปี แผนงาน-โครงการที่ต้องใช้งบประมาณ 4 ปี ภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ ซ่อนแผนลึก-นโยบายลับกระชากใจโหวตเตอร์ในการเลือกตั้ง’66

โดยเฉพาะการเคลมนโยบายของรัฐบาลนำไปหาเสียง ดึง “ฐานเสียง” ที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐอย่าง “บัตรคนจน” 14 ล้านคน ด้วยโครงการ “บัตรสวัสดิการพลัส” 1,000 บาทต่อเดือน ให้สิทธิกู้เงินฉุกเฉิน 10,000 บาทกับธนาคารออมสิน

และการ “ทำต่อ” โครงการ “สุดปัง” อย่าง “คนละครึ่ง” ใน “ภาคสอง” 26 ล้านสิทธิ วงเงิน 40,000 ล้านบาท นำไปจ่ายบิลค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้าได้ รวมถึงโครงการ “เที่ยวด้วยกันเมืองรองภาคสอง” 5 ล้านสิทธิ วงเงินปีละ 18,000 ล้านบาท

โครงการ “แท็กซี่เพื่อสังคม” 10,000 คัน ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV อัตราค่าเช่ารถถูกไม่เกินวันละ 350 บาท ในรูปแบบ “รถใครวิ่งได้ทั้งวันไม่มีกะ” เรียกรถผ่าน application ใช้เงินจาก “กองทุนขนส่งมวลชนและขนส่งสาธารณะ” วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเอาใจมนุษย์เงินเดือน-ผู้เสียภาษี 4 ล้านคน โดยนำ “ค่ารักษาพยาบาลลดหย่อนภาษีได้” สูงสุด 60,000 บาท รวมถึงเอาใจนายจ้างด้วยการลดภาษีจ้างงานผู้สูงอายุสองเท่า

ขณะเดียวกัน ก็มีนโยบายลดภาระภาษีให้กับ “แลนด์ลอร์ด” ที่เป็น “เศรษฐีใจบุญ” โดย “ลด” หรือ “ยกเว้น” ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินให้เกษตรกรใช้ทำเกษตรกรรม

รวมถึงนำมาใช้เป็นพื้นที่ค้าขายสำหรับหาบเร่ แผงลอย หรือนำมาใช้เป็นสวนสาธารณะ หรือประโยชน์สาธารณะ หรือนำมาให้ผู้มีรายได้น้อยอยู่ในราคาถูก

ยังมีการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น “ลูกหนี้” มีนโยบายแก้หนี้ครัวเรือน เช่น หนี้กองทุนหมู่บ้าน โดยพักหนี้ 3 ปี หนี้บ้าน-รถ ที่ผิดนัดชำระในช่วงโควิด-19

สำหรับ “ลูกจ้าง” พี่น้องผู้ใช้แรงงานในระบบ 13 ล้านคน-นอกระบบ 21 ล้านคน ที่มี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น รมว.แรงงาน-เป็นตัวค้ำประกัน ภายใต้มอตโต “คืน-เพิ่ม-สร้าง”

“คืน” เงินชราภาพผู้ประกันตน 30% หรือ “ทุนฉุกเฉินแรงงาน” และ “เพิ่ม” เงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตน 1,000 บาท จนถึงอายุ 10 ปี เพิ่มเงินบำนาญชราภาพ 10,000 บาท “สร้าง” โรงพยาบาลประกันสังคม 4 ภาค-เป็นสถาบันทางการแพทย์

ด้านข้าราชการที่ตกเป็นจำเลยของพรรคฝ่ายค้าน จึงฉวยจังหวะดึงเข้ามาเป็นพวก-เติมคะแนน โดยประกาศไม่ยกเลิกบำเหน็จ-บำนาญข้าราชการ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ-นำเงินสมทบจาก กบข.มาใช้ยามฉุกเฉิน 30% โดยการตั้ง “ทุนฉุกเฉินสหกรณ์”

ส่วนนโยบาย “พุ่งเป้า” อื่น สมาชิกผู้ถือหุ้นสามารถใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และสามารถใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้ ผ่าน “ทุนฉุกเฉินสหกรณ์”

จัดตั้ง “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” วงเงิน 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี และ “กองทุนพ่อเลี้ยงเดี่ยว-แม่เลี้ยงเดี่ยว” รูปแบบการให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ และแบบ “เงินยืม” ไม่มีดอกเบี้ย

เกษตรกร-ปศุสัตว์ เช่น โครงการ “โคล้านตัว” 1 ล้านครัวเรือน เงินอุดหนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 5 ไร่ “ปุ๋ยถูก” โดย “เปิดเหมือง” ผลิตปุ๋ยในประเทศ

จัดค่าตอบแทนให้กับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ทั่วประเทศ 9 แสนคน คนละ 1,000 บาทต่อเดือน งบประมาณ 10,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มค่าตอบแทนอัตราใหม่ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง โดยนายก อบต.ได้รับสูงสุดถึง 75,530 บาทต่อเดือน (รายได้เกิน 300 ล้านบาท)

อีกหนึ่งนโยบายที่จะเป็นไม้เด็ดของพรรครวมไทยสร้างชาติคือ นโยบาย 1 เขต-1 อำเภอ 1 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่จะดึงเอกชนมาร่วมทุนกับรัฐ (PPP) ในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม

โดยมี “หมอเหรียญทอง” พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นโต้โผใหญ่

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ประเมินเป้าหมาย ส.ส.ที่จะได้แบ่งออกเป็น จากคนที่เคยเป็น ส.ส.ก่อนยุบสภา 40 คน คนที่เคยเป็นอดีต ส.ส.ก่อนเลือกตั้งปี’62 แต่แพ้ “กระแสประยุทธ์” อย่างน้อย 30 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อย่างน้อย 10 คน โดยคำนวณตามโพลสำนักต่าง ๆ พรรครวมไทยสร้างชาติ ติดอันดับ 3 ทุกโพล หรือ 4 ล้านเสียง


เป้าหมายลงเลือกตั้งครั้งแรก กวาดที่นั่ง ส.ส. 80+ เข้าไปเป็นรัฐบาล