
ทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นสำนักงานใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งการตอบโต้พรรคร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และการใช้โพเดียมตึกนารีสโมสร เป็นเวทีตีปี๊บผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำแล้ว-ทำอยู่ ทำต่อไปทุกเม็ด
เจาะไปที่นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลึกลงไปในพิมพ์เขียวทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ เร่งด่วน 1 ปี แผนงาน-โครงการที่ต้องใช้งบประมาณ 4 ปี ภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ ซ่อนแผนลึก-นโยบายลับกระชากใจโหวตเตอร์ในการเลือกตั้ง’66
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- เปิดค่าตอบแทน “ผู้บริหาร” ยักษ์ บจ. BBL จ่ายพันล้านต่อปี ทิ้งห่างคู่แข่ง
โดยเฉพาะการเคลมนโยบายของรัฐบาลนำไปหาเสียง ดึง “ฐานเสียง” ที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐอย่าง “บัตรคนจน” 14 ล้านคน ด้วยโครงการ “บัตรสวัสดิการพลัส” 1,000 บาทต่อเดือน ให้สิทธิกู้เงินฉุกเฉิน 10,000 บาทกับธนาคารออมสิน
และการ “ทำต่อ” โครงการ “สุดปัง” อย่าง “คนละครึ่ง” ใน “ภาคสอง” 26 ล้านสิทธิ วงเงิน 40,000 ล้านบาท นำไปจ่ายบิลค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้าได้ รวมถึงโครงการ “เที่ยวด้วยกันเมืองรองภาคสอง” 5 ล้านสิทธิ วงเงินปีละ 18,000 ล้านบาท
โครงการ “แท็กซี่เพื่อสังคม” 10,000 คัน ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV อัตราค่าเช่ารถถูกไม่เกินวันละ 350 บาท ในรูปแบบ “รถใครวิ่งได้ทั้งวันไม่มีกะ” เรียกรถผ่าน application ใช้เงินจาก “กองทุนขนส่งมวลชนและขนส่งสาธารณะ” วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเอาใจมนุษย์เงินเดือน-ผู้เสียภาษี 4 ล้านคน โดยนำ “ค่ารักษาพยาบาลลดหย่อนภาษีได้” สูงสุด 60,000 บาท รวมถึงเอาใจนายจ้างด้วยการลดภาษีจ้างงานผู้สูงอายุสองเท่า
ขณะเดียวกัน ก็มีนโยบายลดภาระภาษีให้กับ “แลนด์ลอร์ด” ที่เป็น “เศรษฐีใจบุญ” โดย “ลด” หรือ “ยกเว้น” ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินให้เกษตรกรใช้ทำเกษตรกรรม
รวมถึงนำมาใช้เป็นพื้นที่ค้าขายสำหรับหาบเร่ แผงลอย หรือนำมาใช้เป็นสวนสาธารณะ หรือประโยชน์สาธารณะ หรือนำมาให้ผู้มีรายได้น้อยอยู่ในราคาถูก
ยังมีการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น “ลูกหนี้” มีนโยบายแก้หนี้ครัวเรือน เช่น หนี้กองทุนหมู่บ้าน โดยพักหนี้ 3 ปี หนี้บ้าน-รถ ที่ผิดนัดชำระในช่วงโควิด-19
สำหรับ “ลูกจ้าง” พี่น้องผู้ใช้แรงงานในระบบ 13 ล้านคน-นอกระบบ 21 ล้านคน ที่มี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น รมว.แรงงาน-เป็นตัวค้ำประกัน ภายใต้มอตโต “คืน-เพิ่ม-สร้าง”
“คืน” เงินชราภาพผู้ประกันตน 30% หรือ “ทุนฉุกเฉินแรงงาน” และ “เพิ่ม” เงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตน 1,000 บาท จนถึงอายุ 10 ปี เพิ่มเงินบำนาญชราภาพ 10,000 บาท “สร้าง” โรงพยาบาลประกันสังคม 4 ภาค-เป็นสถาบันทางการแพทย์
ด้านข้าราชการที่ตกเป็นจำเลยของพรรคฝ่ายค้าน จึงฉวยจังหวะดึงเข้ามาเป็นพวก-เติมคะแนน โดยประกาศไม่ยกเลิกบำเหน็จ-บำนาญข้าราชการ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ-นำเงินสมทบจาก กบข.มาใช้ยามฉุกเฉิน 30% โดยการตั้ง “ทุนฉุกเฉินสหกรณ์”
ส่วนนโยบาย “พุ่งเป้า” อื่น สมาชิกผู้ถือหุ้นสามารถใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และสามารถใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้ ผ่าน “ทุนฉุกเฉินสหกรณ์”
จัดตั้ง “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” วงเงิน 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี และ “กองทุนพ่อเลี้ยงเดี่ยว-แม่เลี้ยงเดี่ยว” รูปแบบการให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ และแบบ “เงินยืม” ไม่มีดอกเบี้ย
เกษตรกร-ปศุสัตว์ เช่น โครงการ “โคล้านตัว” 1 ล้านครัวเรือน เงินอุดหนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 5 ไร่ “ปุ๋ยถูก” โดย “เปิดเหมือง” ผลิตปุ๋ยในประเทศ
จัดค่าตอบแทนให้กับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ทั่วประเทศ 9 แสนคน คนละ 1,000 บาทต่อเดือน งบประมาณ 10,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มค่าตอบแทนอัตราใหม่ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง โดยนายก อบต.ได้รับสูงสุดถึง 75,530 บาทต่อเดือน (รายได้เกิน 300 ล้านบาท)
อีกหนึ่งนโยบายที่จะเป็นไม้เด็ดของพรรครวมไทยสร้างชาติคือ นโยบาย 1 เขต-1 อำเภอ 1 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่จะดึงเอกชนมาร่วมทุนกับรัฐ (PPP) ในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม
โดยมี “หมอเหรียญทอง” พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นโต้โผใหญ่
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ประเมินเป้าหมาย ส.ส.ที่จะได้แบ่งออกเป็น จากคนที่เคยเป็น ส.ส.ก่อนยุบสภา 40 คน คนที่เคยเป็นอดีต ส.ส.ก่อนเลือกตั้งปี’62 แต่แพ้ “กระแสประยุทธ์” อย่างน้อย 30 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อย่างน้อย 10 คน โดยคำนวณตามโพลสำนักต่าง ๆ พรรครวมไทยสร้างชาติ ติดอันดับ 3 ทุกโพล หรือ 4 ล้านเสียง
เป้าหมายลงเลือกตั้งครั้งแรก กวาดที่นั่ง ส.ส. 80+ เข้าไปเป็นรัฐบาล