เลือกตั้ง 2566 : ส่องนโยบายพรรคการเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย

เลือกตั้ง 2566 นโยบาย พรรคการเมือง แรงงาน คนทำงาน

ส่องนโยบายพรรคการเมืองหลัก เกี่ยวกับผู้ใช้แรงงานไทย และคนทำงาน แต่ละพรรคมีนโยบายอะไร ต้องการผลักดันให้แรงงานไทยมีชีวิตที่ดีขึ้นยังไง ?

ผู้ใช้แรงงาน หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย และเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของสังคมที่ค่อนข้างเปราะบาง เมื่อเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ

จาก ข้อมูล ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า มีจำนวนผู้มีงานทำ ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป อยู่ที่ประมาณ 39.91 ล้านคน และยังมีผู้ว่างงานอยู่ ประมาณ 358,000 คน

นโยบายที่เกี่ยวกับผู้ใช้แรงงาน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มีอยู่ทั่วประเทศ หลายสิบล้านคน และพรรคการเมือง เลือกชูนโยบายที่เกี่ยวกับแรงงาน ทั้งการเพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ และการเพิ่มเงินในกระเป๋าให้แรงงานไทย ผ่านการปรับค่าแรงขั้นต่ำ

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมทุกนโยบายที่เกี่ยวกับผู้ใช้แรงงาน จากพรรคการเมืองหลัก ว่ามีนโยบายอะไร สัญญากับผู้ใข้แรงงานไว้อย่างไรบ้าง

พรรคเพื่อไทย

เริ่มจาก “พรรคเพื่อไทย” พรรคการเมืองที่สามารถสร้างกระแสได้ทุกครั้งที่เปิดนโยบายใหม่ ๆ โดยนโยบายที่เกี่ยวกับแรรงานนั้น คือ นโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นที่ฮือฮาอย่างมากตั้งแต่การเปิดนโยบาย โดยในภาคธุรกิจก็มีทั้งเสียงที่พร้อมจะปรับขึ้นตามนโยบายของพรรค หากได้ขึ้นเป็นรัฐบาล และเสียงที่กังวลและไม่ปรับขึ้น เพราะกังวลถึงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี

ADVERTISMENT

นอกจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงานทั่วไทยแล้ว ยังมีนโยบายอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ทั้งการปรับเงินเดือนเริ่มต้นเป็น 25,000 บาท ภายในปี 2570 สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรี หรือทำงานราชการ

รวมทั้ง นโยบาย “ทุนครอบครัว” ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน โดยพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นโยบายดังกล่าว จะช่วยลดช่องว่างรายได้คนไทย ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี

ADVERTISMENT

พรรคเพื่อไทย ระบุเพิ่มเติมว่า จะมีการสำรวจครัวเรือนทั่วทั้งประเทศเพื่อตรวจสอบรายได้และศักยภาพของประชาชนเพื่อให้ครอบครัวได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงพร้อมไปกับการสร้างรายได้ผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่สำคัญคือ นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power (OFOS)

หากรายได้ของครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือนก็จะได้รับการเติมให้ครบ 20,000 บาท/เดือน จนกระทั่งครอบครัวมีรายได้เพียงพอ โดยผู้จะรับสิทธิจะลงทะเบียนผ่านระบบบนแพลตฟอร์ม Learn to Earn เพื่อเสริมทักษะและหางาน และจะมีการลงทะเบียนและอัพเดตข้อมูลทุก 6 เดือนเพื่อดึงคนเข้าระบบ ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและทำให้รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า นโยบายเงินเดือนคนจบปริญญาตรี และข้าราชการ เริ่มต้น 25,000 บาท จะทำให้ใช้วงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 40,000 ล้านบาท

พรรคก้าวไกล

ต่อด้วย “พรรคก้าวไกล” พรรคการเมืองรุ่นใหม่ ชั่วโมงบินน้อย เมื่อเทียบกับพรรคอื่น ๆ แต่แรงสนับสนุนและหัวคะแนนธรรมชาติบนโลกออนไลน์ มีมากมหาศาล

สำหรับนโยบายที่พรรคก้าวไกลสัญญาไว้ เมื่อได้เป็นรัฐบาล คือ นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี เริ่มทันทีวันละ 450 บาท

พรรคก้าวไกล ระบุว่า นโยบายนี้ จะมีการปรับระบบค่าแรงขั้นต่ำให้มีการปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้แรงงานได้ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจของตัวเองในแต่ละปีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

โดยนโยบายดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้เริ่มต้นที่วันละ 450 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยที่ค่าแรง 300 บาทต่อวัน ถูกประกาศใช้เมื่อปี 2554

พรรคก้าวไกล ระบุเพิ่มเติมว่า จะมีการแบ่งเบาภาระค่าแรงที่สูงขึ้นสำหรับ SMEs ในช่วง 6 เดือนแรก โดยการที่รัฐช่วยสมทบค่าประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้าง สำหรับแรงงานที่ถูกกระทบโดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว เป็นหนึ่งในนโยบายด้านสวัสดิการ “ทำงาน” ซึ่งชี้แจงต่อ กกต. ว่าจะใช้วงเงิน 56,000 ล้านบาท โดยเงินดังกล่าว เป็นเงินรัฐที่ต้องสมทบให้กับประกันสังคมถ้วนหน้าและคูปองเสริมทักษะ

พรรคไทยสร้างไทย

แม้ “พรรคไทยสร้างไทย” จะไม่ได้มีนโยบายในการปรับค่าแรงขั้นต่ำหรือการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ เหมือน 2 พรรคก่อนหน้านี้ แต่มีการเสนอนโยบายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รายได้สุทธิไม่เกิน 3 แสนบาท/ต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี

พรรคไทยสร้างไทย ให้รายละเอียดว่า นโยบายของพรรค คือ การเสนอให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่อยู่ในช่วง 150,001 บาท แต่ไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น ซึ่งเดิมผู้มีเงินได้จะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 คิดเป็นเงินภาษีเท่ากับ 7,500 บาท ที่จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี

พรรคชาติพัฒนากล้า

“พรรคชาติพัฒนากล้า” พรรคที่ประกาศตัว พร้อมแก้ปัญหาเศรษฐกิจในทุกรูปแบบ เสนอนโยบายปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ให้บุคคลธรรมดาเงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี

พรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ที่ผ่านมา ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก แต่ภาษีไม่เคยปรับลด ขณะที่รัฐบาลลดภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่จาก 30% เหลือ 20% ตอนนี้รายได้รัฐเริ่มฟื้น สำนักงบประมาณ ประมาณการรายรับจะเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะลดภาระให้กับคนทำงาน 4 ล้านคน

นอกจากนี้ แต่ละพรรคเอง รวมถึง 4 พรรคนี้ มีการเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับปากท้องและเงินในกระเป๋าประชาชน ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านสวัสดิการของรัฐรูปแบบต่าง ๆ และการลดค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพจำเป็น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น