ชลน่าน เพื่อไทย ถูกคลุมถุงชนร่วมหอก้าวไกล อยากออกแต่ต้องอยู่

ชลน่าน พ้อถูกคลุมถุงชนก้าวไกล แม้อยากไปแต่ต้องอยู่

เพื่อไทย มั่นใจศึกชิงเก้าอี้ประธานจบสวย ชลน่าน พ้อแค่ขอเก้าอี้ประธานสภายังทัวร์ลง แม้เราอยากออกไป แต่ก็ออกไม่ได้

วันที่ 29 มิถุนายน 2566 ที่วอยซ์ทีวี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมให้สัมภาษณ์กรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีการนัดหารือกันในช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ค. พร้อมกับการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมในช่วงบ่าย สิ่งที่เรามีความชัดเจน คือการหารือร่วมกันภายใน พบปะพูดคุยกับคณะเจรจา และมั่นใจว่าจะคุยกันจนได้ข้อสรุปที่ดี

ทั้งนี้ เราเข้าใจตัวเองดีว่าเราเป็นพรรคอันดับ 2 เราเคารพพรรคอันดับ 1 ตลอดเวลา ข้อเสนอที่เราเสนอไป คือให้พรรคอันดับ 1 พิจารณา เราเคารพสิทธิตลอดเวลา เราร้องขอไปว่าท่านจะพิจารณาให้หรือไม่ ไม่ใช่การยื้อแย่งตำแหน่ง ไม่ใช่การบีบบังคับกัน

ในวงเจรจาเรารู้ถึงสิทธิของตัวเองดี แต่ตอนนี้เราขอประธานสภา เพื่อดุลยภาพในการทำงาน ไม่ใช่การยื้อแย่ง และไม่ได้หักหลังประชาชน จะให้หรือไม่เราขอตำแหน่งเป็นทางการตามหลักการเท่านั้นเอง

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า การเจรจาที่เอาหลักพื้นฐานเดียวกันคือ เอาประชาชนจากทั้ง 25 ล้านเสียงที่เลือกทั้ง 2 พรรค เป็นหลักการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย หากยึดสิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นจะมีข้อสรุปที่ดีแน่นอน สิทธิของพรรคอับดับ 1 หากขอแล้วไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาต่อว่าจะเอาอย่างไร ยืนยันว่าหลักการคือการเป็นรัฐบาลของฝั่งประชาธิปไตย

Advertisment

“เราค่อนข้างระมัดระวังมากในการเสนออะไรออกไป แม้แต่เราเสนอขอตำแหน่งประธานสภา ไม่ใช่เฉพาะทัวร์นะ ทุกอย่างมาลงที่เพื่อไทยหมดเลย ด้วยความไม่เข้าใจ มันเป็นการเสนอชื่อตำแหน่งประธานสภาของพรรคเพื่อไทย ในภาวการณ์ที่เรากำลังเสนอขอตำแหน่ง โดยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ถ้าเราดันเอาชื่อคนใดคนหนึ่งไปประกบกับพรรคก้าวไกล เพื่อไทยจะถูกประณามมากกว่านี้ จะถูกมองว่าเราแข่งทันที ซึ่งเราขอ ไม่ได้แข่ง ขอกับแข่งต่างกันเยอะ เราขอให้คุณอนุญาตให้เราหรือไม่ ไม่ได้ขอตกลง ขอไปเลยว่าคุณจะให้เราหรือเปล่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ตกลง นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ก็เป็นสิทธิ เขาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เราจะได้กลับมาพิจารณาว่าเมื่อเขาไม่ให้แล้ว เพื่อไทยเราเป็นพรรคอันดับสองเราจะพิจารณาอย่างไรในการทำงานร่วมกับเขา”

เมื่อถามถึงการสลับขั้ว นพ.ชลน่านกล่าวว่า “เราถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชน นี่ผมพูดหลายครั้ง แม้เราอยากออกไปแต่เราออกไปไม่ได้ แม้เราอยากออกไปซึ่งเรามีสิทธิด้วยนะครับที่จะออกไป แต่มันไม่ชอบธรรม เราถูกพี่น้องประชาชน 25 ล้านมัดเรากับพรรคก้าวไกลให้ติดกัน มันเสมือนพ่อแม่เรา เราเป็นลูก เราถูกจับคลุมถุงชนให้มาแต่งงานกัน เราไม่มีสิทธิปฏิเสธจริง ๆ”

“ดังนั้น เจตจำนงของพี่น้องประชาชน 25 ล้านคน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเราคำนึงถึงตรงนี้ เราถึงบอกว่า เราคำนึงถึงจุดนี้เป็นหลักในการพูดคุย เจรจา และนำเสนอทุกเรื่อง เพื่อให้สมประโยชน์ตรงนี้ เมื่อก้าวไกลไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาว่าเขาไม่ให้ เราก็ไม่จะต้องควรรับ”

Advertisment

ผู้สื่อข่าวถามว่าการโหวตประธานสภาของพรรคร่วม ควรเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านระบุว่า เมื่อมีมติชัดเจนว่าออกมาอย่างไร มติต้องไปทางนั้น จะแหวกมติไม่ได้ ซึ่งต้องป้องกันไม่ให้เกิดการฟรีโหวตเกิดขึ้น

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวถึงกระแสข่าว สูตรใหม่ 15+1 และ 13+1 ว่า ยังไม่เคยได้ยินสูตรนี้เลย ขอยืนยันในสูตร 14+1 เป็นจุดเริ่มต้นในการพูดคุยกัน เราเสนอไปแบบนั้น และยังไม่เคยได้รับคำตอบที่เป็นทางการชัดเจนกลับมา จึงต้องหารือกันก่อน