รวมไทยสร้างชาติ ยันเศรษฐาต้องเคลียร์คำตอบ ม.112 ก่อนโหวตนายกฯ

วิทยา แก้วภราดัย
วิทยา แก้วภราดัย

“วิทยา แก้วภราดัย” รวมไทยสร้างชาติ ไม่ไว้วางใจ “เศรษฐา” ไม่หย่าขาดก้าวไกล-แก้ ม.112 ขู่งดออกเสียง-แทงสวน นายกฯ เพื่อไทย เรียกร้องแสดงวิสัยทัศน์ในสภา

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม สส.พรรคว่า พรรคได้มีการหารือเกี่ยวกับการประชุมสภาฯ ในวันศุกร์นี้ (4 ส.ค.66) ในระเบียบวาระการเลือกนายกรัฐมนตรี หลังเลื่อนจากสัปดาห์ที่แล้ว จากการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าการลงมติของสภาฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วก็เลื่อนไป จนถึงวันนี้ยังไม่มีการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้วันที่ 3 สิงหาคม 2566 จึงไม่มั่นใจในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยหรือไม่ แล้ววันศุกร์จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ประธานรู้ได้อย่างไร หากเริ่มต้นพิจารณา แล้วเลือกกันไปในสภาฯ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอีกทางหนึ่งก็จะเกิดปัญหาอีก บรรยากาศก็จะคล้ายๆ กับครั้งแรก

“ดังนั้นตนจึงคิดว่าการเร่งรัดของประธานรัฐสภาฯ จึงทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากติดตามทางการเมืองทั้งหมดก็ทราบแล้วว่า พรรคที่จะต้องทำหน้าที่ในการจัดตั้งรัฐบาลคือพรรคเพื่อไทยได้ประกาศยกเลิกเอ็มโอยูของ 8 พรรคเดิมที่เคยประกาศร่วมมือกันแล้ว หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะเริ่มทำงานใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาลเอง แต่จนถึงวันนี้ต้องดูว่าจะทำไปถึงขั้นไหน เพียงแต่ทราบว่าจะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องดูว่าบรรยากาศในสภาฯ วันนั้นจะเป็นอย่างไร”นายวิทยากล่าวและว่า

“โดยเฉพาะท่าทีของ สว.จากการที่นายเศรษฐาเคยยืนยันว่าต้องจับมือกับก้าวไกลมาตลอด รวมถึงการแก้ไข มาตรา 112 โดยต้องดูว่านายเศรษฐาจะมีคำตอบอย่างไรต่อรัฐสภาฯ และพวกตนที่ยืนยันมาตลอดว่าไม่เอาการแก้ ม.112 ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติจะดูว่าถ้ามาแล้วมีคำตอบที่ไม่มั่นใจ ยืนยันอะไรไม่ได้ พรรคก็ผ่านให้ไม่ได้”นายวิทยากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคให้คำแนะนำอย่างไรหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ ได้ให้ดูตามสถานการณ์ หากเป็นไปแบบนั้นก็จะตัดสินใจได้เร็ว ในฐานะที่ตนเป็นประธานวิปของพรรคจะได้มีการหารือสมาชิกของพรรคว่าจะลงมติสวนเลยหรือจะงดออกเสียง

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ามีการประสานงานจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า การยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันไม่ใช่การประสานงานเพื่อตั้งรัฐบาล ถ้าประสานงานเพื่อตั้งรัฐบาลจะต้องมีความพร้อมในการทำนโยบายกันแล้ว แต่ถ้าแค่ยกหูโทรศัพท์หารือแล้วบอกว่าเป็นการตั้งรัฐบาลตนคิดว่าเป็นเรื่องตลกไป และประธานสภาควรให้เวลาพรรคนำตั้งรัฐบาลในการหารือ ไม่ใช่แค่ว่าสองพรรคตกลงกันแล้วก็ตั้งรัฐบาล อย่างนั้นไม่ใช่เรื่องการตั้งรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมืองต้องชัดเจนว่าจะทำอะไร ไม่ใช่ว่าสัปดาห์หน้าประธานสภาฯ ไม่อยู่ก็รีบประชุม สัปดาห์ถัดไปท่านจะรีบประชุมเลย

ตนคิดว่าควรตั้งหลักให้ดี อย่างน้อยประธานสภาฯจะต้อง มีข้อมูลชัดเจนแล้วว่าจะตั้งอย่างไร ตกลงกับใคร เป็นไปได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะนัดสุ่มไปเรื่อยๆ จะเลือกใครก็ว่ากันมาไม่รู้จักจบ ประชาชนเขาจะรำคาญ คือให้เวลาเขาไปเตรียมการ เมื่อพร้อมค่อยมาจะดีกว่าไม่ต้องนัดทุกสัปดาห์

ADVERTISMENT

นายวิทยา กล่าวว่า นายเศรษฐาจะต้องออกมายืนยันอย่างชัดเจนในสภาฯ ว่าอย่างไร เพราะ ส.ว. และทุกคนกำลังรอฟัง เพราะคนที่จะเป็นรัฐมนตรีก็ต้องพร้อมที่จะเข้าไปอธิบาย เหมือนกับนายพิธา ที่เคยทำมาก่อน นายเศรษฐาก็ควรจะต้องทำแม้ว่าจะไม่ได้เป็น สส.ก็ต้องเข้าไปอธิบายในสภาฯ เช่นกัน พร้อมทั้งตอบคำถามของสมาชิกฯ

เมื่อถามว่าอาจจะมีสมาชิกพรรคบางคนอาจจะไปโหวตให้พรรคเพื่อไทย นายวิทยากล่าวว่า เดี๋ยวนี้กูรูการเมืองเยอะ ทำตัวเป็นหมอดู และวิเคราะห์กันได้ทุกเรื่อง ทุกวันและที่วิเคราะห์กันมาก็เห็นว่าหักปากกากันทุกคนแล้วก็ยังวิเคราะห์กันต่อ ดังนั้นเอาเรื่องจริงดีกว่า นั่นคือถ้าเป็นพรรคการเมืองก็ต้องเป็นมติของพรรค

“โดยเฉพาะขอให้ดูในวันศุกร์นี้โดยเฉพาะการตอบของนายเศรษฐา โดยเฉพาะจะยกเลิกคำพูดทั้งหมดโดยเฉพาะที่บอกว่าจะจับมือกับก้าวไกลแก้ไข ม.112 พรรคเพื่อไทยบอกว่าไม่เอาแล้วยกเลิกไปแล้ว แต่นายเศรษฐายกเลิกคำพูดนั้นหรือยัง และยังติดใจเรื่องการแก้ ม.112 หรือไม่ ซึ่งคำรับปากเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่ เพราะยังติดใจพวกตนอยู่ ดังนั้นขอให้ดูทั้งหมดในวันศุกร์” นายวิทยากล่าวทิ้งท้าย