ภูมิธรรม เวชยชัย บีบขั้วใหม่โหวตเศรษฐา เป็นนายกฯ แล้วค่อยคุยเรื่องกระทรวง ชี้ ปัญหาประเทศมาก่อนความต้องการของนักการเมือง
วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลโดยมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีว่า เป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ ที่ผ่านมายังไม่มีการพูดถึงตำแหน่งเลย เพียงแต่พูดว่าเมื่อบรรยากาศเป็นแบบนี้ เมื่อพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ เห็นอย่างไร ถ้ายอมรับนายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา
และวันนี้เรากำลังเลือกนายกฯ บนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ บ้านเมืองวิกฤตมาพอสมควร ยิ่งปล่อยให้ช้าลง ประเทศก็จะวิกฤตมากขึ้น เพียงแค่มีข่าวว่าเลื่อนการโหวตนายกฯ กระดานหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ลดไป 21 จุด ก็ชัดเจนว่าคนต้องการความมั่นใจและความหวัง ได้มีรัฐบาลเร็ว เมื่อได้เร็วก็สามารถแก้ปัญหาได้
ทั้งนี้ การเลื่อนประชุมไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสิน เราก็ยังไม่อยากทำอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้สนใจคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และยังมีเวลาเลื่อนไปประมาณ 10 วัน เราอยู่ในประเทศที่วิกฤต ทั้งรัฐธรรมนูญ และโครงสร้างในประเทศ ความคิดทางการเมือง ความเชื่อที่ขัดแย้งกัน ความชอบก็ขัดแย้งกัน
ดังนั้น การได้นายกฯ ที่ทุกฝ่ายสบายใจจะเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น และทำงานได้อย่างดีที่สุด
“ช่วงเช้าผมกับคุณอนุทิน ชาญวีรกูล (หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) ก็ยังคุยกันอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร” นายภูมิธรรมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีกันแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่าจะเป็นเรื่องหลังสุด หลังจากได้นายกฯ แล้วค่อยมาว่ากัน ที่ตนถูกถามอยู่มันคิดอยู่ในพาราดามเดิม คือตกลงกันปั๊บแบ่งกระทรวงถึงจะว่ากัน แต่ปัจจุบันเราไม่ได้เสนอเรื่องกระทรวง เราเสนอว่าเห็นชอบนายเศรษฐาหรือไม่
“ถ้าเห็นชอบก็โหวต ถ้าใครไม่โหวต ก็ไม่เห็นชอบผู้นำเป็นนายกฯ ก็ทำงานกันยาก ถูกไหม ถ้าเห็นชอบร่วมกันก็สามารถมาพูดคุยกันได้ และค่อยมาตกลง ตอนนี้ยังตกลงแบ่งกระทรวงกันไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่ายอดรวมของการจัดตั้งรัฐบาลมันเท่าไหร่ เพราะถ้ารวมกันแล้วได้ 280 เสียงก็อีกแบบหนึ่ง 300 กว่าเสียงก็แบบหนึ่ง ได้ 10 พรรคก็แบบหนึ่ง ได้ 12 พรรคก็แบบหนึ่ง ได้ 8 พรรคก็แบบหนึ่ง เพราะมีเรื่องจำนวนที่มาแบ่งเฉลี่ยจนกระทั่งได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด ถึงจะมาแบ่งกระทรวงทีหลังว่าความถนัด ความจำเป็นเป็นอย่างไร” นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ นโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำ แล้วมาปรับกับส่วนอื่น ๆ อะไรที่นโยบายไม่สอดคล้องตรงกับเราและไม่สามารถปรับได้ก็จะทำให้ความร่วมมือยากขึ้น ดังนั้น เรื่องทั้งหมด ถ้าตัวนายกฯ ชัดเจนแล้ว คำถามที่ถามทั้งหมดจะชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการและนักวิเคราะห์การเมืองระบุว่าพรรคเพื่อไทยถูกบีบ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ดี ทำให้รู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่ยาก ถ้าเชื่ออย่างนั้น มีการบีบนู่นบีบนี่ แต่ถึงที่สุดแล้วต้องหนักแน่น มีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่อย่างนั้นไม่สามารถพาประเทศและความแตกต่างของพรรคการเมืองฝ่าวิกฤตของประเทศได้ พรรคเพื่อไทยยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างทั้งหมด แต่การตัดสินใจอยู่ที่ความเป็นจริงของการเมืองไทย ปัญหาของประเทศไทย และความต้องการของประชาชน
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอา 2 ลุง จะขอเสียง สว.ได้หรือไม่ เพราะยังขาดเสียง สว. 100 กว่าเสียง นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราไม่ได้คิดบริบทอย่างที่ถาม เราเอาประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ใครเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยแก้ปัญหาประเทศ ฝ่าวิกฤตประเทศได้ ก็มาช่วยสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนว่าจะต่อรองมีนั่น มีนี่ เราพูดชัดเจนว่าเราทำการเมืองในมิติใหม่ เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาความต้องการของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง อะไรก็ตามที่จะถูกกำหนดร่วมกันก็ต้องเห็นความสำคัญร่วมกัน ว่าเป็นปัญหาของประชาชน ถ้าพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลจะบอกได้เลยว่า อะไรคือปัญหาเร่งด่วนของประชาชน และเราจะทำอะไรก่อน ในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ ขั้นกลาง ขั้นปลาย และยืนยันว่านโยบายพรรคเพื่อไทยจะต้องถูกนำมาจัดการให้ได้ภายใน 4 ปี
เมื่อถามว่า หากไม่แบ่งกระทรวงกันจะโน้มน้าวให้พรรคการเมืองมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้แค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางการเมือง ประชาชนในประเทศนี้ และนักการเมืองในประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ใครจะมากจะน้อยกว่ากันเป็นอีกเรื่อง
ทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศ 8-9 ปีที่ผ่านมา และปัญหานอกประเทศเป็นปัญหาที่ไม่สามารถนำปัญหาของส่วนตัวมากำหนดได้มากนัก ต้องเอาปัญหาประเทศเป็นหลัก ถ้าประเทศรอด ประชาชนรอด ทุกคนรอด เราไม่ค่อยห่วง เป็นสิ่งที่เป็นจริงที่ปรากฏที่พรรคการเมือง นักการเมืองรู้แก่ใจ ดังนั้น ในการแก้ปัญหาต้องมาหาทางออกร่วมกัน
“ไม่ใช่เรื่องที่จะร่วมรัฐบาลอย่างไร จะยินดีให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไหม และยินดีให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ไหม เห็นชอบก็โหวต จะเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ได้ หรือเป็นฝ่ายค้านก็ได้ เพราะเห็นว่าประเทศนี้วิกฤตต้องเดินไปข้างหน้า ก็โอเค ทุกอย่าง เอาวาระประเทศ เอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เอานักการเมืองเป็นตัวตั้ง”
เมื่อถามย้ำว่า จะมีพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่เวลาที่คุยกันตอนนี้ ตอนนี้อยากได้เสียงสนับสนุนให้เราเป็นนายกฯ ก่อน ถ้าชัดเจนตรงนี้เราจะเคลียร์ให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลสำเร็จ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า “ต้องมั่นใจสิครับ ไม่มั่นใจจะมาถึงขั้นนี้เหรอ เราเชื่อมั่นว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากร ของพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ และผลงานที่เคยจัดการมาแล้ว เป็นองค์ประกอบที่เหมาะสมกับประเทศที่วิกฤตขณะนี้
ส่วนจะมีปัจจัยทำให้พรรคเพื่อไทยต้องส่งไม้ต่อให้พรรคลำดับ 3 หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “อยากให้สื่อช่วยทำให้ความอึมครึมสว่างไสวมากขึ้น”