ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยกำลังตั้งไข่ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ผสมข้ามขั้วกับขั้วรัฐบาลเดิม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เปิดเผยรายงานการประเมินผลงานของรัฐบาลประยุทธ์ 2 และข้อเสนอแนะทางนโยบายต่อรัฐบาลใหม่
โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ถอดข้อเสนอของทีดีอาร์ไอ ที่ชงรัฐบาลใหม่ดำเนินการ มีโจทย์ท้าทายมากมายที่รออยู่ มีทั้งข้อเสนอที่สานต่อนโยบายที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ริเริ่มนโยบายที่สมควรทำ แต่ยังไม่ได้ทำ และยกเลิกนโยบายที่ดำเนินการอยู่ที่ก่อให้เกิดปัญหา
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- เปิดอันดับ “ประเทศที่อากาศมีมลพิษที่สุดในโลก” ไทยไม่ติดท็อป 10 !
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทีดีอาร์ไอเห็นว่า เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีหลายโครงการที่ยังไม่มีความคืบหน้านัก ทั้งที่มีความสำคัญสูงในระดับเป็น “เรือธง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งมีความล่าช้ากว่าเป้า ดังนั้น ทีดีอาร์ไอเสนอรัฐบาลใหม่ว่า ควรสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ EEC ไปต่อเนื่อง แต่ควรทบทวนอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ใหม่ให้สอดคล้อง สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทีดีอาร์ไอแนะว่า เร่งรัดการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และออกกฎหมายการขนส่งทางราง เปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมให้บริการเดินรถไฟได้ ขณะเดียวกัน เร่งแก้ไขปัญหาการประมูลสัญญาสัมปทานสายสีส้ม และเร่งรัดให้เกิดตั๋วร่วม เพื่อที่ประชาชนมีค่าใช้จ่ายน้อยลง รวมทั้งกระจายอำนาจและสนับสนุนงบประมาณให้ท้องถิ่นให้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่ได้
รัฐบาลใหม่ควรพัฒนาบริการรัฐบาลดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ด้วยการบูรณาการบริการของหน่วยงานรัฐทั้งหลายเข้าด้วยกัน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเร่งออก พ.ร.บ.เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เพื่อกำกับดูแลธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างเต็มที่โดยเร็วและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน
ขณะที่นโยบายการเกษตร ทีดีอาร์ไอเห็นจุดอ่อนนโยบายประกันราคาสินค้าเกษตรของรัฐบาลประยุทธ์ที่มีการซ้ำซ้อนกัน รวมถึงการใช้งบประมาณที่เป็นการใช้เงินนอกงบประมาณขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการผิดวินัยทางการคลัง ดังนั้น รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อการยกผลิตภาพของภาคเกษตร ซึ่งเป็นแนวทางเดียวในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงงาน นอกจากนี้ การให้การอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรของรัฐบาลควรใช้เงินงบประมาณอย่างโปร่งใส หลีกเลี่ยงการใช้เงินนอกงบประมาณ
ด้านการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น รัฐบาลใหม่ควรขยายผลข้อตกลงคุณธรรมให้ครอบคลุมโครงการจัดซื้อจัดจ้างในวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่มีมูลค่าสูง ควรเร่งปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะการขออนุญาตก่อสร้าง และเร่งสะสางปัญหาที่ค้างคาจากรัฐบาลประยุทธ์ 2 โดยเร่งปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เช่น ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา และออกกฎหมายลูกของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ เพื่อทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโปร่งใสขึ้น และควรเร่งปฏิรูปการใช้งบประมาณของกองทัพให้สามารถตรวจสอบได้
ส่วนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทีดีอาร์ไอมีข้อเสนอแนะรัฐบาลใหม่ควรจัดสวัสดิการที่ผสมผสานอย่างเหมาะสม ระหว่างสวัสดิการเฉพาะกลุ่มและสวัสดิการถ้วนหน้า อีกทั้งควรเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาความยากจนและให้สวัสดิการแบบมุ่งเป้า
และควรหลีกเลี่ยงนโยบาย “ขอเลือก ขอคืน และขอกู้” ของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่ให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถนำเงินกรณีชราภาพออกมาใช้ก่อนบางส่วน จะทำให้ประชาชนสูงอายุไม่มีเงินบำนาญเพียงพอในอนาคต
ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ รัฐบาลใหม่ควรกำหนดกรอบอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป้าหมายที่ต้องการ โดยให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและผลิตภาพแรงงาน และปรับขึ้นอย่างเป็นระยะ เช่น ทุกปี หรือทุก 2 ปี และควรดำเนินนโยบายในเชิงรุกในการนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ได้รับสวัสดิการและการคุ้มครองตามกฎหมาย
ส่วนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ทีดีอาร์ไอเสนอรัฐบาลใหม่ว่า สนับสนุนให้เจ้าของรถปรับเปลี่ยนมาใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยใช้มาตรการจูงใจ เช่น สิทธิในการลดหย่อนภาษี ขณะเดียวกันสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเครื่องจักรเพื่อลดการเผา รวมไปถึงควรกำหนดให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่เปิดเผยข้อมูลการผลิตฝุ่น PM 2.5 ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
