เศรษฐาร่ายยาว ทิ้งก้าวไกลตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เพราะเดินต่อไม่ได้ด้วยความจำเป็นด้านคณิตศาสตร์ ไม่ใช้คำว่า “โกหก” แต่ไม่มีออปชั่นอื่น รอ 9 เดือน ปลดล็อก สว.ไม่ได้ เพราะประเทศช้าไม่ได้ ต้องตั้งรัฐบาล
วันที่ 15 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษของ The Standard อธิบายเหตุผลความจำเป็นในการเป็นรัฐบาล โดยจับมือตั้งรัฐบาลข้ามขั้วตอนหนึ่งว่า ถ้าย้อนเวลาไป ผลเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ออกมาแล้ว ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ออกมาเราได้ที่ 2 น้อยกว่าที่ 1 ประมาณ 10 คะแนน เราจับมือกับที่ 1 แต่ไม่สามารถผ่านด่าน สว.ได้ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าต่อ จะเดินต่ออย่างไร การที่ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ การที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ การที่เรามีนโยบายดี ๆ นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ต้องผ่านกลไกการเป็นรัฐบาล
- มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล เปิดชื่อผู้ถือหุ้น-ผลประกอบการ
- 10 พฤษภาคม 2567 ขึ้นทางด่วนฟรี 60 ด่าน
- ทีทีบี เสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง คุ้มครองเงินต้น 100% เปิดจอง 9-15 พ.ค. 67
“คิดว่าผมมีทางออกอะไรบ้าง ถ้าเกิดว่าผมไม่สามารถจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะผมจับมือกับเขา ผมเดินต่อไม่ได้ สว.ไม่โหวตให้ คณิตศาสตร์มันเด่นชัด 750 เสียง 250 เสียงมาจาก สว. สว.มีอำนาจอยู่ ที่มาที่ไปของ สว.ทราบดีอยู่แล้วเป็นอย่างไร ทราบจุดยืนของผมที่มีต่อ สว. ผมไม่เคยบอกว่า สว.ไม่ดี แต่ที่มาที่ไปอาจไม่ถูกต้อง แต่อยู่กับความเป็นจริง หลังจาก 14 พฤษภาคม มา สว.มีสิทธิ มีเสียงในการโหวตเลือกนายกฯ พรรคเพื่อไทยบวกพรรคก้าวไกลได้ 300 กว่าเสียง ต่ำ ๆ ให้โอกาสพรรคอันดับหนึ่งเป็นคนไปรวบรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง เขาทำไม่ได้”
“ออปชั่นต่อไปเขาส่งไม้ต่อให้เรา ถ้าเกิดเรารวมกับพรรคเพื่อไทยใหม่ เปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลจากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาเป็นผม หรือ 1 ใน 3 แคนดิเดตคนอื่นก็ได้ ผมมีพรรคก้าวไกลอยู่ แต่มีนโยบายที่ สว. 250 เสียง กับ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่เอา คณิตศาสตร์พื้นฐานยังไงก็ไปไม่ได้ ผมไม่มีทางก้าวข้าม 376 เสียงไปได้ ถ้าผมมีพรรคก้าวไกล ผมมีคนอีก 10 ล้านเสียงที่อยากให้ผมเป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายดี ๆ มาแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง ผมก็ต้องไปจับมือกับพรรคอื่น จะใช้คำว่าลุงแล้วกัน อยากให้ลืมวาทกรรมของลุงใหม่”
ส่วนที่บอกว่าคนเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะไม่เอาพรรคลุง นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนหนึ่ง ไม่ผิด แต่ตนไปต่อไม่ได้ แล้วออปชั่นไหนที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลได้ บอกตนหน่อย ตนก็ต้องเลือก เพราะ 10 ล้านเสียงเลือกให้ตนเป็นรัฐบาล อย่างไรตนก็เป็นรัฐบาล ถ้าตนเป็นรัฐบาลจะเอาเสียงที่ไหนมาก้าวข้าม 376 เสียงได้ ในเมื่อพรรคอันดับหนึ่งมีนโยบายที่อีกหลาย ๆ ร้อยเสียงเขาไม่เห็นด้วย และเขาไม่โหวตให้ และจะให้อีกฝ่ายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเหรอ ซึ่งไปต่อไม่ได้
“คนที่เดือดร้อนคือพี่น้องประชาชน คือไม่มีรัฐบาล พรรคอื่นก็ไม่จับมือกับพรรคเบอร์หนึ่ง มันเป็นคณิตศาสตร์พื้นฐาน เป็นความบังคับด้านผลเลือกตั้งที่ออกมา”
เมื่อถามว่า กับคำสัญญาที่ให้กับประชาชนไว้ ถือว่าเราผิดสัญญา โกหกประชาชนหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ผมไม่ใช้คำว่าโกหก แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมามีทางออกไหนหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีก็บอกผมหน่อยแล้วกันว่ามีทางออกไหนได้บ้าง คอย 9 เดือนไม่ได้แน่นอน ที่ให้ สว.มาโหวต ประเทศชาติคอยไม่ได้ ไปแบบนี้เรื่อย ๆ ไม่มีการทำงบประมาณ ขนาดทำงบประมาณวันนี้จะใช้ได้ก็เดือนเมษายนแล้ว
“แล้วพี่น้องหลายสิบล้านคนที่เดือดร้อนอยู่จะทำอย่างไร เรื่องค่าไฟ ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกรจะทำอย่างไรครับ ถ้าจะบอกว่าผิดคำให้สัญญา จะบอกว่าอะไรก็ตามที คณิตศาสตร์มันออกมาชี้นำว่าต้องเป็นอย่างนี้ ให้เราเข้ามาทำงาน นำนโยบายดี ๆ มาทำให้กับพี่น้องประชาชน จะทำให้หลายคนสบายใจขึ้นหรือเปล่า ผมไม่ทราบ แต่หน้าที่ผมที่ก้าวมาวันนี้ในตำแหน่งนายกฯ ผมมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนสุดความสามารถที่จะทำได้” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า การตัดสินใจอย่างนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียต้นทุนและความเชื่อมั่น นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นไปได้ เราต้องเรียกศรัทธากลับมาจากการทำงานของเรา เราต้องทำงานหนัก ลืมความเหน็ดเหนื่อย ต้องดูให้ดีเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการ เข็นนโยบายดี ๆ ออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน คิดว่าเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ แล้วดูสิว่าจะเรียกศรัทธากลับมาได้หรือเปล่า
เมื่อถามว่า ยอมรับว่าเสียต้นทุนและความเชื่อมั่น นายกฯ กล่าวว่ายอมรับ ต้องยอมรับ ไม่มีเหตุผลอื่น มีหลายท่านที่เดินออกไป มีหลายท่านที่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็เป็นจุดยืนของแต่ละคนก็น้อมรับ ให้ความเคารพในสิ่งที่เขาทำ แต่ผมไม่เคยไปว่า หรือไปถกเถียงอะไรให้เกิดประเด็นขึ้นมา เพราะตื่นเช้ามาก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานกับทีมงานตลอด
เข้าใจว่าเราเสียต้นทุนไปเยอะ ผมใช้คำว่าเทหมดหน้าตักที่จะเข้ามาบริหารจัดการตรงนี้ พรรคร่วมรัฐบาลก็รู้ว่ากระแสสังคมเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่กับพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว กับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ดูสีหน้า แววตา คณะรัฐมนตรีต่างพรรคที่เข้ามาก็รู้ มองตากันก็พอจะรู้ว่า เรื่องของการทำงาน การที่เข็นนโยบายดี ๆ ออกมาเพื่อให้โดนใจพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อถามว่า คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กลับทำไม่ได้ เวลาเจอประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมา หรือคนที่มองเห็นคำมั่นสัญญาที่พรรคเพื่อไทยให้ไว้ แต่กลับคำพูดแบบนี้ จะบอกอะไรพวกเขา นายเศรษฐากล่าวว่า ตนเชื่อว่าถ้าให้โอกาสรัฐบาล 11 พรรคมาบริหารจัดการความทุกข์ที่ประชาชนเป็นอยู่ ถ้าพูดแทน 10 ล้านเสียงของตน เขาก็บอกว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เพื่อให้ตนเข็นนโยบายดี ๆ ออกไป ขอเวลาพิสูจน์
“ผมมั่นใจ 10 ล้านคน จำนวนเยอะมาก ๆ ที่ตอนแรกไปจับมือกับฝ่ายที่เราบอกไม่จับ ก็มีความผิดหวัง มีความไม่สบายใจ มีความกังวล ชั่ววูบ อาจมีความโกรธ แต่ผมว่าทุก ๆ คนในพรรค ผู้บริหารพรรค สส.อาวุโส ลงพื้นที่ก็อธิบายให้ฟัง ประชาชนก็เขาใจแน่นอน”
“ส่วนประชาชนที่ไม่เข้าใจยังมีอยู่ ก็คงให้ดูผลงานแล้วกัน ผมไม่มีอย่างอื่นที่จะขอร้อง หรือ วิงวอนอะไรทั้งสิ้น ก็เป็นเรื่องของการทำงาน การที่เราผิดคำพูด ที่เราต้องไปจับมือก็เพราะเป็นคณิตศาสตร์ และเป็นความจำเป็นที่เราต้องเป็นรัฐบาล”
“ไม่ใช่ว่าอยากจะเป็นนายกฯ จนกระทั่งต้องลืมคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่น้องประชาชน แต่ว่าการที่เราก้าวมาอยู่ตรงนี้ เพราะเราต้องการถืออำนาจรัฐเพื่อที่จะเอานโยบายดี ๆ ไปให้พี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่”
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่ใช่เพราะอยากจะเป็นนายกฯ หรืออยากเป็นรัฐบาล หรือพาใครกลับบ้านจึงต้องตัดสินใจแบบนี้ นายเศรษฐาตอบทันทีว่า “ไม่เกี่ยวเลยครับ ไม่เกี่ยวเลยครับ ไม่มีแน่นอน”