“อนุทิน” จัดแถวอำนาจมหาดไทย แบ่งเค้กเพื่อไทย-เครือข่ายประยุทธ์

อนุทิน จัดผัง

วันนี้กระทรวงมหาดไทยกลับไปอยู่ในความครอบครองของพรรคภูมิใจไทยอีกครั้ง หลังจากเคยครอบครองมาแล้วในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็น มท.1 คนที่ 52 ส่วนพ่อของเขา “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” เป็น มท.1 คนที่ 48

“อนุทิน” เอาจริง-เอาจัง ประกาศนโยบาย 10 ข้อ ทันทีที่มีอำนาจ

1.การปกป้องและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ 2.น้ำดื่มสะอาดฟรี 3.การลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของทุกส่วนราชการ 4.การจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มที่มีการใช้อำนาจเหล่านั้นในทางมิชอบ

5.พลังงานสะอาด มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด โดยสนับสนุนให้มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในที่อยู่อาศัย

6.การบริการประชาชนแบบ one stop service มุ่งหน้าสู่ระบบรัฐบาลดิจิทัล เป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาล 7.การอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ส่งเสริมให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8.การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนตามอัตลักษณ์ที่โดดเด่น (OTOP)

9.การแก้ไขปัญหายาเสพติด 10.สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ และการเตรียมความพร้อมท้องถิ่นรองรับสังคมผู้สูงอายุ

แบ่งงานทันทีที่ได้รับการแต่งตั้งโดย “อนุทิน” สั่งและปฏิบัติราชการ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมโยธาธิการและผังเมือง การประสานงานส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตามกฎหมายการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำกับดูแลการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

“ทรงศักดิ์ ทองศรี” รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย สั่งและปฏิบัติราชการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกำกับดูแลการประปานครหลวง

“ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย สั่งและปฏิบัติราชการ กรมการพัฒนาชุมชน กรมที่ดิน และกำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค

ส่วน “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย หนึ่งเดียว จากพรรคเพื่อไทย สั่งและปฏิบัติราชการ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และกำกับดูแลองค์การตลาด และองค์การจัดการน้ำเสีย

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา ครั้งที่สอง ก็ปรากฏเข็นโผโยกย้ายอธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด 24 ตำแหน่งเข้าที่ประชุม ครม.ทันที

ถอดรหัสคำสั่งแต่งตั้งจากรายชื่อที่ออกมา อธิบดี-พ่อเมืองเก้าอี้สำคัญ ยังเห็น “กลุ่มอำนาจเก่า-อำนาจปัจจุบัน” ยังตรึงกำลังอยู่ โดยเฉพาะข้าราชการสายสิงห์ดำ (จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ) ยังคงอยู่ในตำแหน่งสำคัญ ขณะที่พลังการเมือง-กลุ่มอำนาจใหม่ ใช้ลักษณะ “ประนีประนอม”

ในระนาบสำคัญ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี 1.ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ โยกจากจังหวัดตราด มาเป็นรองปลัดกระทรวง แม้ไม่ได้จบ “สิงห์ดำ” เพราะจบนิติศาสตร์ รามคำแหง แต่ก็อยู่ในเครือข่ายสิงห์ดำ อีกทั้งยังเป็นน้องชาย “ประชา เตรัตน์” อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

2.อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ย้ายจากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง แทนตำแหน่งของ “แมนรัตน์ รัตนสุคนธ์” อธิบดีกรมการปกครองคนปัจจุบันที่เกษียณอายุราชการ ทั้งสองถือเป็นแกนหลักสายสิงห์ดำ ล่มหัวจมท้ายกันมา โดยเฉพาะช่วงที่เป็นทีมงานให้กับ “วิบูลย์ สงวนพงศ์” อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย

3.ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม จากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ไปเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน “สิงห์ดำ” อีกหนึ่งราย ที่เติบโตในยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น รมว.มหาดไทย แม้อยู่คนละสายกับอธิบดี “ป๊อป-อรรษิษฐ์” และ “แมน-แมนรัตน์” เพราะมาจากสายท้องถิ่น แต่ด้วยการที่มีแบ็กหนา จึงยังอยู่ในผังอำนาจ

4.“ไชยวัฒน์ จุนระพงศ์” พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯบุรีรัมย์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อาจถือได้ว่า “ทีมบ้านใหญ่บุรีรัมย์” ส่งเข้าประกวด ได้ขึ้นไลน์อธิบดี แถมยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี อีกทั้งไม่ได้จบสายสิงห์ดำ แต่เป็นสิงห์ไร้สี จบนิติศาสตร์ รามคำแหง เติบโตในแดนอีสานใต้ นั่งรองผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ก่อนเข้าป้ายอธิบดี ปภ. ซึ่งเคยผูกขาดโดย “สิงห์ดำ”

น่าสนใจตรงที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่อยู่ใต้กำกับของ “เกรียง” กลับมีอธิบดี ที่มาจากผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ต้องจับตาว่าจะทำงานเข้าขากันหรือไม่

ส่วนตำแหน่งผู้ว่าฯ ที่สามารถจับมาโยงกับ มท.ทั้ง 4 ตำแหน่งได้ อาทิ “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์” ที่พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯบึงกาฬ ฐานของพรรคภูมิใจไทย “ทรงศักดิ์” รมช.มหาดไทย ก็โยกมาเป็นผู้ว่าฯบุรีรัมย์ “ศุภศิษย์ กอเจริญยศ” จากผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ มาเป็นผู้ว่าฯอุบลฯ พื้นที่ของ “เกรียง” ซึ่ง “ศุภศิษย์” ก็เคยเป็นรองผู้ว่าฯอุบลฯ แต่ในอดีตก็ถูกมองว่าเติบโตในสายพรรคภูมิใจไทยอีกขาหนึ่งด้วยเหมือนกัน

ที่น่าสนใจกว่านั้น เริ่มเห็นผู้ว่าฯ ที่มาจากรามคำแหง และสิงห์แดง ม.ธรรมศาสตร์ คัมแบ็ก เหมือนที่เคยเป็นในยุค “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล