เศรษฐา โชว์ผลงาน 60 วัน เข็นนโยบายปากท้องไม่หยุดยั้ง-ลืมเหน็ดเหนื่อย

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา แถลงผลงาน 60 วันแรก เข็นนโยบายปากท้องทุกเรื่อง ไม่หยุดยั้ง-ลืมเหน็ดเหนื่อย ทำงานหนักต่อไป ชี้ อุปสรรคมีเวลาทำงานไม่พอ ตั้งโต๊ะแถลงดิจิทัลวอลเลต full package พรุ่งนี้ เปิดโรดแมปแก้เศรษฐกิจระยะกลางแก้หนี้ครัวเรือน-ลดหนี้นอกระบบ สานต่อไฮสปีดเทรนไทย-จีน บูมท่องเที่ยวอัพเกรดสนามบินน่าน-เมืองรอง ดึงบริษัทต่างชาติลงทุน

ลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน-พักหนี้เกษตรกร

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ออกรายการพิเศษ “Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน” ผ่านช่องทางต่าง ๆ NBT2HD, NBT11 ทางออนไลน์ Facebook, YouTube ของทั้ง 2 ช่อง และ Facebook, YouTube ไทยคู่ฟ้า รวมถึง Facebook เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin ว่า

เรื่องลดรายจ่ายชัดเจน คือ เรื่องค่าไฟ จาก 4 บาทกลาง ๆ เป็น 4.10 บาท แล้วก็เป็น 3.99 บาท ซึ่งมีการลด 2 ขยัก เป็นการบ่งบอกถึงวิธีการทำงานของรัฐบาล อะไรทำได้เราทำก่อน ถ้าทำได้อีก ก็จะทำให้อีก ก็จะทำเพิ่มเติมต่อไป ไม่ต้องคอยให้เสร็จหมดแล้วค่อยทำ เพราะเราตระหนักดีว่า พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมาโดยตลอด ถ้าเกิดต้องคอยให้ทุกอย่างครบหมดแล้วค่อยทำ บางทีอาจจะช้าเกินไป

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องลดราคาค่าน้ำมันดีเซลเราก็ลด ตอนนั้นเบนซินยังศึกษาไม่ดีพอ เราก็ยังไม่ลด จนกระทั่งจะลดวันที่ 10 เดือนนี้ ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานได้ประกาศไปแล้ว อันนี้คือลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง

“อีกส่วนหนึ่งคือลดรายจ่ายทางด้านดอกเบี้ย ก็มีการพักหนี้เกิดขึ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นหัวใหญ่ ทำงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในแง่ของการพักหนี้เกษตร ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราเพิ่งเริ่มทำกันมา แต่เรื่องจะทำต่อไปก็คือเรื่องของการดูแลเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งจะเป็นการลดปัญหาเรื่องหนี้สิน แต่อาจจะถือว่าเป็นระยะกลาง” นายเศรษฐากล่าว

Advertisment

แก้หนี้ครัวเรือน-นอกระบบ

นายเศรษฐากล่าวว่า ระยะกลางจะมีการลดหนี้ของหนี้นอกระบบ ตนพึ่งพูดคุยกันไปครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเรื่องหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน มีผู้ทำผิดกฎหมายเรื่องการชาร์จดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากำหนดที่กฎหมายระบุไว้ ทำให้พี่น้องประชาชนต้องจ่ายเงินต้นเงินต้นไม่เคยลด จ่ายไปเป็นหนี้อยู่หมื่นนึง สมมติจ่ายมา 3-4 ปีแล้ว เงินจ่ายไปตั้ง 3-4 หมื่นแล้ว ดอกเบี้ยมันเป็นธรรมหรือเปล่ากับพวกเขา เราต้องลงไปบูรณาการอย่างชัดเจน ภายในอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์หน้าจะมีการแถลงข่าวของเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วลงไปปฏิบัติการได้ภายในกลางเดือนธันวาคม

“เรื่องของ Digital Wallet ซึ่งทางผมเองจะมีการแถลง full package เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจภายวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ จะมีการแถลงพร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาที่ไปของเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของใครได้รับบ้าง เป็นเรื่องของใช้กับสินค้าประเภทใดได้บ้าง กับระยะทางที่กำหนดไว้ตามบัตรประชาชนเป็นกิโลหรือเป็นอำเภอหรือเป็นตำบลเดี๋ยวจะมีการชี้แจงให้เกิดขึ้นได้” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีขึ้นจาก 76 % มาเป็น 91 % ถือว่าเป็น Top 20 ของโลก เราต้องลดตรงนี้ลงไปให้ได้ ลดมี 2 อย่าง คือ ลดหนี้ กับเพิ่มรายได้ เราทำทั้ง 2 ทาง เรื่องการลดหนี้ ทางสถาบันการเงินของประเทศไทยถูกกำกับโดยธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกับทางธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย แต่ปัญหาใหญ่กว่านั้นก็คือหนี้นอกระบบที่อยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ โหดมาก ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ตนประกาศไปเมื่อปลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราจะใช้หน่วยงานความมั่นคงมาช่วย นายอำเภอ ผู้กำกับ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง เรียกเจ้าหนี้กับเจ้าหนี้มาคุยกัน

Advertisment

เพิ่มรายได้เกษตรกร

นายเศรษฐากล่าวว่า ในเรื่องของเกษตรกรเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหลายสิบล้านคนพี่น้องประชาชนของเราอยู่ในภาคเกษตรกรรม หลายเรื่องเป็นเรื่องของการที่เราจะต้องให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำการเกษตร เรื่องของผลผลิตต่อไร่ของพืชผลหลาย ๆ ชนิด เรายังเป็นรองบางประเทศอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าคนของเราไม่เก่ง เพราะเรื่องขององค์ความรู้ยังไม่มีการใส่เข้าไปให้เต็มที่ ตรงนี้เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องพยายามทำ

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องของการใช้กลไกลการตลาด ในการเปิดตลาดใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเปิดประเทศใหม่ ๆ ก็ตามทีที่มีการขยายตัวของประชากรสูงอย่าง เช่น แอฟริกา กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ต้องการการส่งออกของอาหารค่อนข้างเยอะ เราก็ไปเปิดตลาดใหม่ เปิดตลาดใหม่ก็มีการขยายโอกาส ขยายโอกาสก็เป็นการขยายรายได้ เพิ่ม Demand เพราะฉะนั้นราคาพืชผลก็น่าจะขยับขึ้นมาได้

นายเศรษฐากล่าวว่า การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการทำเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาแทนปุ๋ยเคมี การที่เราจะมีการเทสหน้าดินก่อน เพื่อให้ทราบถึงสภาพหน้าดินว่าพื้นที่นั้น ๆ มีสภาพดินเป็นอย่างไร การที่ให้ปุ๋ยก็ให้ปุ๋ยจะได้ไม่ต้องหว่านเข้าไปหมด อย่าง N P K ใช่ไหม เรารู้กันอยู่ ถ้าเกิดดินตรงนั้นมี N สูงแล้วก็ไม่ต้องให้ N ก็ให้ P กับ K อย่างเดียว ซึ่งความแม่นยำทางด้านการเกษตรก็ส่งผลต่อผลผลิตให้กับพี่น้องประชาชนเหมือนกัน

กระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องของภาคการท่องเที่ยวถือเป็นการเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่ง เรามีการให้วีซ่าฟรีกับประชาชนคนจีน ไต้หวัน อินเดีย ตามเข้ามามีเรื่องของที่ไม่ต้องยกเว้น ตม. 6 ที่ทางภาคใต้ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซียก็หลั่งไหลเข้ามาเต็มไปหมด ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้ดูแค่ตรงนั้นอย่างเดียว ว่าเอานโยบายหรือเอากฎกติกามา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงกฎอย่างเดียวเราต้องไปดูทั้ง Journey ที่เขาเข้ามาเลย ไม่ว่าจะเป็นแค่ยกเลิกวีซ่าปั้บเขาเข้ามาเยอะ ตรวจคนเข้าเมืองเป็นอย่างไร มีเคาน์เตอร์พอไหม ไม่ใช่ยกให้เขาเข้ามา แห่เข้ามาแล้วต้องคอยเป็นชั่วโมง

ทางฝ่ายความมั่นคงทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ความดูแลเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ทาง AOT เองก็ให้ความอำนวยความสะดวกอย่างดี เรื่อง Baggage Channeling ว่ามีเพียงพอไหม ไม่ใช่ว่า Immigration 15 นาที Baggage Channeling อีกชั่วโมงนึง ตรงนี้ก็มีการดูแลอย่างดี เราดูทั้ง The Whole Journey ในการที่เราตั้งแต่เข้ามาก้าวแรกที่ถึงแผ่นดินไทยจนกระทั่งก้าวสุดท้ายที่จะออกไป เป็นการเพิ่มรายได้ทางด้านการท่องเที่ยวด้วย

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องวีซ่าฟรีคาซัคสถาน คาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย เป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาว แล้วก็เป็นพื้นที่ที่เขามีรายได้สูง เราก็ไปดูที่สถิติว่าในช่วงที่ผ่านมา อย่างเช่น มาแถวพังงา คาซัคสถานกราฟกำลังขึ้นมาก แล้วเราก็ดูว่ามีสายการบินบินตรงด้วย ใช่ไหมครับ ซึ่งเป็น Feeder System ที่ดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดตัวนี้ปัจจัยหลาย ๆ ปัจจัย ก็บ่งบอกถึงว่าเขาอยากจะเข้ามาเที่ยวเยอะ แล้วเป็นพวก High Spender คงจะดูต่อไปว่าสามารถทำตรงไหนได้อีก

นายเศรษฐากล่าวว่า อย่างเช่น รัสเซียเข้ามาอยู่ได้ฟรีด้วยซ้ำ 30 วัน แต่ว่ารัสเซียเป็นประเทศที่มีอาการหนาวอยู่นานมากเพราะฉะนั้นที่มาจากรัสเซียอาจจะอยากอยู่เกิน 30 วัน ถ้าเกิดอยู่เกิน 30 วัน ก็ต้องบินออกไปใหม่ ตอนนี้เราอำนวยความสะดวกให้เขาอยู่ระยะยาว ไม่ต้องบินไปบาหลี ถ้าเกิดติดใจบาหลีแล้วไม่กลับประเทศไทยว่าอย่างไร

นายเศรษฐากล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นแค่หนึ่งในปัจจัย แต่อยากจะขอเน้นว่า การใช้จ่ายต่อหัวสำคัญกว่า ระยะเวลาในการอยู่ก็สำคัญ ถ้าเกิดนักท่องเที่ยวเวลาเขาไปสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส หรืออังกฤษ เวลาเขาอยู่ระยะเวลามากกว่า 3-4 วันที่ประเทศไทยในเฉลี่ยแล้วประมาณ 3-4 วันเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมาแล้วก็ออก เข้า ออก ๆๆๆ จะเป็นภาระต่อ Infrastructure เราอย่างเช่นสนามบิน

“ถ้าเข้ามาหนเดียวแล้วอยู่ 10 วันก็ไม่จำเป็นต้องขยายอะไรมากมาย แต่ว่านโยบายที่ต้องใช้ระยะเวลาต้องสนับสนุนให้เมืองรองเกิด ไม่ใช่มาแค่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน เราอยากให้ไปที่น่าน เราอยากให้ไปที่กาฬสินธุ์ เราอยากให้ไปสุโขทัย เราอยากให้ไปอยุธยา ซึ่งทำให้การอยู่เขาเรียกระยะเวลายาวขึ้น ทำให้การใช้จ่ายเยอะขึ้น ทำให้เม็ดเงินที่เขาลงไปใช้จ่ายไม่ใช่แค่กระจุกตัวอยู่ที่หัวเมืองใหญ่อย่างเดียว อยากให้ลงไปที่เมืองรองด้วยเหมือนกัน” นายเศรษฐากล่าว

อัพเกรดสนามบินน่าน

นายเศรษฐากล่าวว่า เราต้องดูเรื่องสนามบินด้วย ความพร้อมของสนามบิน ในช่วงที่ผ่านมาสนามบินสุวรรณภูมิเองก็มีการขยาย Z1 เพิ่งเปิดไป ตนเองลงพื้นที่ไปที่เชียงใหม่กับภูเก็ต

ซึ่งถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของการท่องเที่ยวของเรา สนามบินเชียงใหม่ปัจจุบันนี้มีความหนาแน่น เรารู้ว่านักท่องเที่ยวที่มาจากเกาหลี ญี่ปุ่น จีน เขาอยากจะเที่ยวให้เต็มที่ แล้วก็อยากจะบินออกตอนหลังเที่ยงคืนกลับไปถึงประเทศเขาเช้าพอดีทำงานต่อได้ ในการขยายเวลาเป็น 24 ชั่วโมงทำให้เครื่องบินสามารถบินมาลงได้ทำให้เพิ่มนักท่องเที่ยวได้ ในระยะยาวจะไปสร้างสนามบินเชียงใหม่ Internationa

เราอยากให้ภาคเหนือ อยากให้ลำปาง ลำพูน เชียงราย เป็นเมือง Destination ของท่องเที่ยวด้วย ก่อนที่จะคอยชื่อ Official เราก็ตั้งว่าเป็นล้านนา International เช่นกัน ไม่ใช่แค่ภูเก็ตอย่างเดียว พังงา กระบี่ ระนอง ก็เป็นจังหวะยุทธศาสตร์เหมือนกัน ภูเก็ต International จะไปตั้งอยู่ตอนเหนือของภูเก็ต อยู่ในในพื้นที่ของจังหวัดพังงา เราจะตั้งชื่อว่า อันดามัน International เรื่องของเมืองรองเราไม่ได้ละทิ้ง ยังมีอีกหลาย ๆ สนามบิน เช่น สนามบินน่าน อัพเกรดไปเป็น น่าน International Airport กระจายรายได้ให้กับเมืองรอง

สานต่อไฮสปีดเทรนไทย-จีน

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องของการคมนาคมเชื่อมต่อไปทั่วประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วตนเดินทางไปประชุมที่ประเทศจีนในเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของการเชื่อมโยง Logistic ทั้งภูมิภาค ซึ่งดำริมาโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง 10 ปีแล้ว วันนี้เราก็ไปประชุมครั้งที่ 3 แล้วก็ทุกประเทศที่อยู่ในแผนงานได้ยืนยันตามเจตนารมณ์ว่า

เราจะเดินต่อตรงนี้ ถ้าติดตรงไหนก็มาพูดคุยกัน เรื่องรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นที่เรามีการก่อสร้างจากกรุงเทพฯไปถึงโคราชมี 14 สัญญา มี 14 ผู้รับเหมา เราก็จะต่อจากโคราชไปถึงขอนแก่น ขอนแก่นไปถึงหนองคาย หนองคายข้ามไปลาว แล้วก็ลาวไปถึงประเทศจีนได้

“เรายืนยันว่าเราจะดำเนินการต่อ แต่ว่าขั้นแรก ระหว่างที่จะมีการทำเรื่องรถไฟความเร็วสูง บางอย่างต้องมีทำรางคู่ก่อน บางจุดต่าง ๆ ต้องมีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อย่างเช่น สะพานข้ามจากหนองคายไปลาวก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีการสร้างอีกสะพานหนึ่ง ซึ่งต้องมีการตกลงกัน ผมเดินทางไปที่ สปป.ลาวมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มีการพูดคุยเรื่องนี้ มีการสร้างสะพานเชื่อมต่อไปได้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงทางด้านเกษตรกรรม พืชผลต่าง ๆ จะมีประโยชน์มาก ถ้าเรามีรถไฟความเร็วสูงเพราะเราก็ทราบดีอยู่ว่าพวกผลไม้ต่าง ๆ ต้องใช้เวลาในการที่จะเก็บเกี่ยวแล้วก็ส่งออกไปถ้าเกิดเวลานานเกินไปในการขนส่ง เรื่องของคุณภาพก็จะถูกด้อยลงไป

“ไม่ต้องอะไรมากหรอกครับ เอาแค่ประชาชนคนจีนสามารถเข้าถึงทุเรียนได้ แล้วก็รับประทานเท่ากับประชาชนคนไทยได้คือ 5 กิโลกรัม ต่อคน จะขึ้นไปประมาน 7 เท่า ปัจจุบันนี้ส่งออกประมาณสองแสนกว่าล้าน 7 เท่าก็เป็นล้าน ๆ” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า เหนือกว่านั้น คือ ถ้าเราสร้างรถไฟความเร็วสูงมาแล้ว เรื่องของ Border Control ก็ต้องทำให้ทันสมัยเรื่องของ Single Windows ของที่จะส่งผ่านจากไทยไป สปป.ลาว การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเป็นเรื่องสำคัญ

ปัจจุบันนี้ต้องมีการผ่านหลายโต๊ะ ทั้งศุลกากร ทั้งเกษตรกร ทั้ง ตม. กว่าจะมีการผ่านเรื่องงานเอกสารไปได้ใช้เวลานาน ถ้าเกิดใช้เวลานานเกินไป ผลไม้อาจจะเสียได้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อที่จะให้ Easy to do business มันง่ายขึ้น รัฐบาลนี้ก็ต้องทำควบคู่กันไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนไปที่หนองคายมา สั่งการว่าจะลองใช้จังหวัดหนองคายเป็นด่านในการทดลองที่จะทำให้ Single Windows Single From

จับมือผู้นำโลก-ดึงบริษัทยักษ์ลงทุน

นายเศรษฐากล่าวว่า การเดินทางไปต่างประเทศ อันแรกเลยที่ไปสหรัฐอเมริกา อยากจะใช้คำว่าไป UNGA ไปสหประชาชาติ ก็ถือเป็นโอกาสดี เพราะเพิ่งรับตำแหน่ง และก็ถือโอกาสไปเจอผู้นำทั้งหลาย

ซึ่งในปัจจุบันเรื่องของภูมิศาสตร์มีความร้อนแรงอยู่เยอะมาก มีคู่กรณี มีการเห็นต่างกันในแง่ของการค้า จีน-สหรัฐก็มีขัดแย้งเรื่องการค้า ยูเครน-รัสเซีย สหประชาชาติเองก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ประเทศไทยได้ไปพูดในหลาย ๆ เวที ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้สีเขียว ซึ่งจะมีการ Raise Fund เกิดขึ้น เป็นการแสดงเจตจำนงให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเราเป็นห่วงเรื่องนี้ เราใส่ใจเรื่องนี้ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการที่จะทำให้เป็น Net Zero Carbon ให้ได้

“ผมไปพบปะกับผู้นำต่างประเทศแล้วก็ถือโอกาสนี้พบปะกับบริษัทใหญ่ ๆ ที่สนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต ไม่ว่าจะเป็น Data Center พวกนี้เหล่านี้ต้องใช้ทรัพยากรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพยากรน้ำ

ซึ่งตรงนี้เพียงพอ พลังงานสมัย ก่อน 20 ปีที่แล้ว มีพลังงานพอ มีไฟฟ้าพอ ปัจจุบันนี้พูดถึงเรื่องพลังงานสะอาด ต้องมีให้เพียงพอด้วย อาทิตย์หน้าจะไปที่ซานฟรานซิสโกไปที่ APEC ก็จะมีการไปเจรจาต่อแล้วก็จะมีการเซ็น MOU ไปค้าขายเอง เราเป็นเซลส์แมน เราก็ต้องไปบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ที่จะมาลงทุนที่ประเทศไทย” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า เรามีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นมาตรการสนับสนุนทางภาษีโดย BOI เรื่องพลังงานสะอาด เรามีเหนือสิ่งอื่นใดคือค่าครองชีพเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตที่ดี คนย้ายเข้ามาฐานผลิตเข้ามาเขาจะมีครอบครัวมาอยู่ เรื่องของการ Health Care Service ของเราระดับ World Class โรงเรียน International ของเราก็มีให้ลูกหลานเขาอยู่อย่างเพียงพอ เรามีความครบในการที่จะเสนอตัวว่าประเทศไทยจะเป็น Hub ของการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย เป็นที่มาที่ไปของที่เราเดินทางไปต่างประเทศ

แก้รัฐธรรมนูญ-สุราชุมชน

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะหลอกลวงประชาชน ตรงนี้ก็จัดการให้กระทรวงดีอีเอส ทำงานร่วมกับตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อกวาดล้างตรงนี้ให้เด็ดขาด เรื่องการปิดบัญชีม้าต่าง ๆ ต้องทำอย่างเข้มแข็ง ประสานงานไปที่กรมดีเอสไอ ถ้าเกิดเป็น Account ที่ใหญ่เพราะถือว่าเป็นคดีพิเศษประสานงานที่ ปปง. ยึดทรัพย์โดยรวดเร็วเป็นการตัดต้นตอ เรื่องยาเสพติดถือเป็นปัญหาวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีต้องนั่งหัวโต๊ะ เรื่องยึดทรัพย์ process ยังช้าอยู่

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องปัญหาทางด้านสังคม ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ เรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดทำประชามติมาแล้วนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการได้เขียนไทม์ไลน์ชัดเจน

เรื่องสมรสเท่าเทียม อาทิตย์ที่แล้วก็มีการสั่งการไปอีก 2 อาทิตย์ต้องทำเรื่องของการสอบถามความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วเอาเข้าคณะรัฐมนตรีให้ได้ จะเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ยื่นเข้าไปที่เปิดสภาครั้งต่อไป คือต้นเดือนธันวาคม สุราชุมชนต้องทำ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่ายด้วยเหมือนกัน

เรื่องเกณฑ์ทหาร นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมมีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องสรรพกำลังของทหารด้วยว่าต้องลดอย่างไร แน่นอนเราต้องให้เยาวชนเรามีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ ถือว่าเป็นเรื่องนึงที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำความไม่สบายใจของสังคม

เรื่องของการยุบ กอ.รมน.หรือไม่ยุบ ต้องบอกตรง ๆ ตกใจที่บอกว่า เอ๊ะ เราทำไมไม่ยุบ ไปหาเสียงที่ไหนไปเอาเทปมาดูได้ ตนไม่เคยบอกต้องยุบ นโยบายที่แถลงก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ แต่ว่าทุก ๆ องค์กรไม่ใช่ กอ.รมน. อย่างเดียว จะเป็นบีโอไอ หรืออีอีซีต้องมีการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงไปกับของสังคม

แก้ปากท้องทุกเรื่อง-เวลาทำงานไม่พอ

นายเศรษฐากล่าวว่า 60 วันที่ผ่านมาในชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม จริง ๆ แล้วเราอาสาเข้ามาทำงาน ไม่มีสิทธิบอกว่าเหนื่อย ไม่มีสิทธิบอกอะไร แต่ว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดก็คือเวลาไม่พอ เวลาไม่พอทุกอย่าง เวลาไม่พอในการทำงาน เวลาไม่พอในการนอน เพราะต้องมีงานพูดคุย ต้องมีงานทำอะไรหลาย ๆ อย่าง

แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการบริหารจัดการ แต่มีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทีมงานเองก็ตระหนักดีถึงความสำคัญที่จะต้องเร่งเข็นผลงานออกมา Quick Win ที่เราจะต้องเร่งเขียนผลงานออกมาคุย เรื่องการมีการพูดคุยกัน มีการเชื่อมต่อกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพราะ10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีไทยโต 1.8% น้อยกว่าเพื่อนบ้าน

นายเศรษฐากล่าวว่า หลาย ๆ เรื่องที่เราต้องทำ ขยายโอกาสเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องที่อยู่ในระยะกลางกับยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจรจาเรื่องของสนธิสัญญาการค้าหรือ FTA เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเปิดให้เรามีการค้าขายทั่วไปกับทุก ๆ ประเทศ

ซึ่งเราต้องเร่งในการเจรจาเรื่องเหล่านี้ ภาคส่วนที่สำคัญที่สุดภาคส่วนหนึ่งก็คือข้าราชการ ข้าราชการไทยเป็นข้าราชการที่มีคุณภาพแล้วก็รักประเทศชาติ ต้องการประเทศชาติพัฒนา เพราะฉะนั้นเรื่องของการที่เราต้องให้ความมั่นใจว่าการโยกย้ายข้าราชการ เรื่องของการให้การโปรโมตของข้าราชการ เรื่องของการให้เกียรติ เรื่องการฟังความคิดเห็นของทุก ๆ หน่วยงานเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก

“เรื่องใหญ่คือเรื่องของปากท้อง รัฐบาลนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปากท้อง อะไรทำได้เราจะทำก่อน แล้วก็จะทำอย่างไม่หยุดยั้ง ลืมเหน็ดเหนื่อย ผมว่าเหนือสิ่งอื่นใด ทุก ๆ ภาคส่วนต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี

เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ เราคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แล้วก็ทุก ๆ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงข้าราชการทั้งหลาย ได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่แล้วยังทำงานหนักต่อไป ขอให้มีความอดทนแล้วก็รับฟังความคิดเห็นของทุก ๆ ภาคส่วน รัฐบาลนี้ก็จะพยายามเขียนงานออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ อยากจะขอให้จัดรายการอย่างนี้เยอะขึ้น ชวนท่านรัฐมนตรี หรือภาคส่วนอื่น ๆ มาพูดคุยกัน” นายเศรษฐาปิดท้ายรายการ