เศรษฐา ลุยต่อ “เอเปค” ดึงลงทุนฟื้นเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤต

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : กษมา ประชาชาติ

เศรษฐกิจไทยโค้งสุดท้ายของปี 2566 ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่าง ๆ รอบด้าน ทำให้ภาคเอกชน “คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)” ปรับลดเป้าหมายการส่งออกปีนี้ติดลบหนักขึ้น จาก -0.5 ถึง -2% เป็น -1 ถึง -2%

ในทุก ๆ เวทีที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปกล่าวปาฐกถา ทั้งเวทีสื่อต่าง ๆ เวทีสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และล่าสุดเวทีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในค่ำคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน ให้นักธุรกิจไทย-ต่างชาติร่วม 300 คน และผู้แทนสถานทูตในประเทศไทยจาก 35 ประเทศ ฟังถึงบริบทและทิศทางเศรษฐกิจว่า

ไทยเผชิญความท้าทายที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา GDP เติบโตเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปี แถมหนี้ครัวเรือนยังเพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2555 เป็น 91.6% ในปี 2566 ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด-19 การส่งออกหดตัวลง เงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูง ไทยต้องแสวงหาหนทางสู่อนาคต เพื่อเติบโตท่ามกลางโลกที่มีการแข่งขันสูง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก รวมถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

รัฐบาลจำเป็นที่ต้องเร่งออกมาตรการ “กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่” นับจากนโยบายควิกวิน ที่มาช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ระงับการชําระหนี้ชั่วคราวสําหรับเกษตรกร การพักหนี้ให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนี้ รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการ visa free สําหรับนักท่องเที่ยว

ทั้งยังมีแผนส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจจัดประชุมและนิทรรศการระดับภูมิภาค (MICE) และทำคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนโยบาย digital wallet นําไปสู่การจ้างงานและการสร้างงาน ตลอดจนการหมุนเวียน

Advertisment

ขณะเดียวกัน ได้วางมาตรการฟื้นเศรษฐกิจไทยระยะกลาง-ยาว ด้วยอาวุธสำคัญคือ การทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ ด้วยการเร่งเจรจาความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) และ visa free ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย การเพิ่มความสะดวกในการทําธุรกิจและสิทธิประโยชน์ เพื่อดึงดูดการลงทุน

การส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และระเบียงเศรษฐกิจทั่วประเทศ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน การพัฒนาโครงการ Landbridge ช่วยไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้

ที่สำคัญได้วางมาตรการบีโอไอ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินและโนว์ฮาวจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทคมูลค่าสูง อย่างอีวี การแพทย์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ สีเขียว สิ่งที่นายกฯเศรษฐาเน้นย้ำในทุกเวทีคือ “ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรองรับการลงทุน และพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่”

และไม่ใช่แค่พูด แต่ “นายกฯเศรษฐา” ทำจริง นำทัพภาคเอกชนโรดโชว์ดึงการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งสหรัฐ จีน รอบบ้านอาเซียน และล่าสุด 12-19 พฤศจิกายนนี้ มีกำหนดจะร่วมงานประชุมระดับสุดยอดผู้นำเอเปค ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐ

Advertisment

แน่นอนว่าเวทีนี้ไทยจะต้องโฆษณาประเทศต่อสายตาสมาชิก 21 ชาติ วงใหญ่รองจากองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเศรษฐกิจไทยก้าวสู่เป้าหมาย 5%