เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น

เพื่อไทคิดใหญ่ทำเป็น
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ ประชาชาติ

พรรคเพื่อไทย “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทย ทุกคน” เป็นการ เล่น “คำใหญ่” ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566

มีประโยคอื่น ๆ ที่นำมา “ขยายความ” คำว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น”

“สู้ครั้งนี้ต้องชนะ เลือกพรรคเพื่อไทย เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ชนะขาด เพื่อให้เพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อม ประชาชนพร้อม ประเทศพร้อมเดินไปข้างหน้า ไปด้วยกัน พี่น้องที่เคารพครับ เราเคยคิดใหม่ ทำใหม่ เราทำได้จริง ทำได้สำเร็จมาแล้ว ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเรา คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวบนเวที ประชุมสามัญใหญ่ 6 ธันวาคม 2565 เมื่อครั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก่อนการเลือกตั้งในอีก 5 เดือนถัดมา

เมื่อพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นโยบายเรือธง อย่าง แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ถูกนำมาขับเคลื่อน ย้อนไปดูคำโฆษณาหาเสียงนโยบายเรือธง ที่อยู่ในเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยมีความคิดทันสมัย และต้องการ “หยิบเงินในโลกยุคใหม่ใส่มือประชาชน” โดยการเตรียมพร้อมประเทศและประชาชนให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมาตรการหลาย ๆ อย่างที่จะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่เนื่องจากสภาพปัจจุบันที่การแข่งขันทางเศรษฐกิจเราเดินตามไม่ทันประเทศเพื่อนบ้าน เราจึงต้อง “ปั๊มหัวใจ” ของประชาชนเป็นอันดับแรก จึงเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ “ใช้จ่ายใกล้บ้านด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)”

– คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet)

– กระเป๋าเงินดิจิทัลจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้

– เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชนและบริการที่ “อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร” เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน

– ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง

– เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล ในระยะยาวเพื่อนำประเทศเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของ FinTech

– กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล

– กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งใสสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม

– ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จ่ายไปจะหมุนเวียนเข้ามาเป็นภาษีของรัฐบาลเพื่อเอา เงินไปสนับสนุนประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

เพื่อไทย ทำได้จริง ทำได้สำเร็จแค่ไหน โปรดพิจารณาจากคำแถลงของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง