เศรษฐา ชวน Volkswagen เพิ่มการลงทุนระยะยาวในไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐาเยือนเยรมนี ถกผู้บริหาร Volkswagen และ Infineon Technologies AG ให้ความมั่นใจว่าไทยเราพร้อมที่สนับสนุนทั้งด้าน Supply chain และจะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน ทั้งในด้าน ease of doing business ด้วย

วันที่ 13 มีนาคม 2567 กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบผู้บริหารบริษัทเอกชนสำคัญของประเทศเยอรมนี นาย Thomas Schäfer, Member of the Board บริษัท Volkswagen Group และ CEO ของ Volkswagen Brand ผู้ผลิตยานพาหนะรายใหญ่ของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ซึ่งมีเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูง

ปัจจุบันบริษัท Volkswagen มีโรงงานผลิตรวม 114 แห่งทั่วโลก รถยนต์ของบริษัทมีจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ ซึ่ง Volkswagen มีแผนการขยาย Charging Network สำหรับสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายการชาร์จ เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้น ด้วยการสร้าง Quick Charge 45,000 จุดทั่วโลกภายในปี 2568

บริษัททำการค้าในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน นายกฯ เชิญชวนมาลงทุนในไทย Long Term Investment ซึ่งบริษัทชื่นชมนโยบายของรัฐบาลไทย ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีชื่นชมความเป็นมืออาชีพของบริษัท และให้ความมั่นใจบริษัทในเรื่องนโยบายด้านการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งมีแนวความคิดที่ตรงกันจึงเห็นควรพิจารณาเพิ่มความร่วมมือ

จากนั้นพบผู้บริหารบริษัท Infineon Technologies AG ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และติดอันดับ Top 10 ของโลก มีการดำเนินธุรกิจใน 25 ประเทศ มีลูกค้าหลักในกลุ่มยานยนต์ บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์และระบบอุตสาหกรรม ระบบเซ็นเซอร์ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับควบคุมระบบ

ปัจจุบันบริษัทนี้ใช้พลังงานสีเขียวในกระบวนการผลิตทั้งหมดในโรงงานยุโรป และสำหรับโรงงานในเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงโรงงานในเมืองกูลิมและมะละกา ประเทศมาเลเซีย ก็ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานสีเขียว 100% แล้วเช่นกัน

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมบริษัทที่ไม่ได้ลงเงินอย่างเดียว แต่เน้นการลงทุนใน Research และ Training ให้กับคนไทยด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีแนวโน้มจะลงทุนในไทยเพิ่ม และมีแผนร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างบัณฑิตใหม่ที่มีทักษะเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านโครงการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Coop) โครงการ Sandbox และโครงการวิจัยร่วม

รวมถึงการส่งนักศึกษาไปฝึกงานและเรียนรู้วิธีการผลิตชิปที่โรงงานเวเฟอร์ของบริษัทในมาเลเซีย ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวให้ความมั่นใจไปในหลายเรื่อง และย้ำว่าไทยพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนตามนโยบาย ease of doing business

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X ว่า โจทย์หลักของการมาหารือกับบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำในวันนี้ คือการมาสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเรามุ่งมั่นที่จะผลักดันและสนับสนุนการลงทุนผลิตรถ EV ในไทย เพื่อไปสู่เป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางยานยนต์แห่งอนาคต

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ช่วงเช้าผมพบกับ 2 บริษัท เริ่มจากกลุ่มบริษัท Volkswagen เป็นผู้ผลิตยานพาหนะรายใหญ่ของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ปัจจุบันเครือบริษัท Volkswagen Group มีแบรนด์ภายใต้บริษัทถึง 14 แบรนด์ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถเพื่อการพาณิชย์ โดยโรงงานในไทยผลิตมอเตอร์ไซค์ Big Bike ของ Ducati และระบบส่งกำลังของยานยนต์ของมอเตอร์ไซค์ ซึ่ง Volkswagen มีแผนการขยาย Charging Network สำหรับสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตด้วยการสร้าง Quick Charge 45,000 จุดทั่วโลก ภายในปี 2568

นายเศรษฐากล่าวว่า บริษัทที่สองคือ Infineon Technologies AG เป็นผู้ผลิตผู้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และติดอันดับ Top 10 ของโลก โดยบริษัทมีแนวโน้มจะลงทุนในไทยเพิ่ม และมีแผนร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างบัณฑิตใหม่ที่มีทักษะเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านโครงการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Coop) โครงการ Sandbox และโครงการวิจัยร่วม รวมถึงการส่งนักศึกษาไปฝึกงานและเรียนรู้วิธีการผลิตชิปที่โรงงานเวเฟอร์ของบริษัทในมาเลเซีย

“โดยผมให้ความมั่นใจกับทั้ง 2 บริษัทว่า ไทยเราพร้อมที่สนับสนุนทั้งด้าน Supply chain และจะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน ทั้งในด้าน ease of doing business ด้วย”