ภูมิใจไทย เลือก กก.บห.ชุดใหม่ อนุทิน หัวหน้า-ไชยชนก ลูก เนวิน นั่งเลขาธิการ

ภูมิใจไทย เลือก กก.บห.ชุดใหม่ อนุทิน หัวหน้า - ไชยชนก ลูก เนวิน นั่งเลขาธิการ

”อนุทิน“ นำทัพคนหนุ่มสาวภูมิใจไทย ! การันตี ‘15 กก.บห.เจนใหม่-บ้านใหญ่-มีของ’ ทำงานปึ๊ก แบ็กดี ผ่านศึกสนามเลือกตั้งสุดเขี้ยว ไม่ใช่เด็กฝึกงาน ปูทางเปลี่ยนผ่านให้สมูท ยันไม่มีใครกดปุ่มบังคับ ด้าน ”ไชยชนก“ ไม่ปฏิเสธถูกมองล็อกเก้าอี้เอื้อ ‘บ้านใหญ่ชิดชอบ’ ขอทุกคนช่วยกันทำงานเป็นทีม ยันไร้คนทำตัวน้ำเต็มแก้ว

วันที่ 24 มีนาคม 2567 ที่สโมสรราชพฤกษ์ เขตหลักสี่ กทม. พรรคภูมิใจไทย ภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานการประชุม รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 พิจารณางบฯการเงินของพรรคปี 2566 พิจารณาข้อบังคับพรรคภูมิใจไทย พ.ศ. 2561 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ. 2567 และมีมติแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคจำนวน 16 คน แทนตำแหน่งที่ว่าง และการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง

รายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยชุดใหม่ ประกอบด้วย

  1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น หัวหน้าพรรค
  2. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รองหัวหน้า
  3. นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้า
  4. นายสิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ รองหัวหน้า
  5. นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค
  6. นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ รองเลขาธิการ
  7. นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ รองเลขาธิการ
  8. นางสาวพิมพฤดา ตันจรารักษ์ รองเลขาธิการ
  9. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เหรัญญิกพรรค
  10. นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรค

กรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย

  1. นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล
  2. นายวรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์
  3. นายชลัฐ รัชกิจประการ
  4. นายธนยศ ทิมสุวรรณ
  5. นายจักรกฤษณ์ ทองศรี
  6. นายกิตติ กิตติธรกุล

นายอนุทินแถลงว่า การเลือกตั้งทุกครั้งพรรคภูมิใจไทยจะมี สส.เพิ่มมากขึ้น ค่อย ๆ เติบโตขึ้นจากการทำงานหนัก แลกกับคะแนนความไว้วางใจที่ประชาชนได้มอบให้ ความเติบโตและความก้าวหน้าของพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่เป็นการโตตามกระแส แต่โตด้วยผลงาน ปัจจุบันนี้เรามี สส.ที่ทำหน้าที่ในสภาถึง 71 คน เราจะพยายามทำเต็มที่ให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้มากที่สุด และจะทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้พิสูจน์แล้วว่าพรรคเราเป็นพรรคที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีภารกิจที่จะปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อธำรงไว้ตามการปกครองที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ในส่วนนี้ต้องถือว่าเป็นดีเอ็นเอของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือเป็นภารกิจหลัก เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในคำพูด เมื่อพูดแล้วต้องทำ เรากล้าที่จะประกาศนโยบายต่อประชาชน

ซึ่งดูแล้วเป็นนโยบายที่มีความยากลำบากที่จะทำให้สำเร็จ แต่เราทำให้ได้ ไม่มีสิ่งไหนที่เราสัญญากับประชาชนแล้วเราไม่ได้ทำ เราเป็นพรรคการเมืองของประชาชน เราพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้สามารถทำงานและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย

การประชุมใหญ่ของพวกเราในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพรรค เราได้เห็นตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคภูมิใจไทยจะต้องมีการปรับและเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหาร และแนวทางในการดำเนินงานของพรรค ตอบสนองต่อความต้องการ และแก้ปัญหาประชาชน ต้องทำงานเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ ถ้าใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการทำงาน พรรคเรามั่นใจว่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วขึ้น

กรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คนเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์ มากด้วยการศึกษา มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เป็น สส.ที่สัมผัสปัญหาประชาชน รู้พื้นที่เป็นอย่างดี ที่สำคัญทั้ง 16 คน มีแบ็กดีทุกคน อย่างน้อยก็มีผมเป็นแบ็กให้อีก 15 คน จะเห็นได้ว่าเราเปลี่ยนลุกใหม่ แต่นโยบาย จิตวิญญาณ ค่านิยม ของพรรคเราที่จะทำงานรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลง มีแต่จะเข้มข้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น ใน 16 คนนี้มีของทุกคน ไม่ได้มาตัวเปล่า ไม่ได้ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องสมาชิกพรรคให้มาบริหารพรรค

ขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นในพลังของคนรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย ที่ทุกคนผ่านสมรภูมิทำหน้าที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ มาแล้ว แสดงให้เห็นในรัฐสภาและในรัฐบาล ด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามเทรนด์ของโลก กรรมการบริหารพรรคชุดนี้เรียกได้ว่าเป็นเจนใหม่ บ้านใหญ่ และพร้อมทำการพัฒนาประเทศชาติ และรับใช้ประชาชนคนไทยทุกคน ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท มุ่งมั่น และยั่งยืน

กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามว่า ถือเป็นการถ่ายเลือดใหม่หรือไม่

นายอนุทินกล่าวว่า “เป็นการผลัดวิตามิน”

เมื่อถามว่า ในฐานะแม่บ้านพรรคคนใหม่ มีแผนงานที่จะปรับปรุงพรรคอย่างไร

นายไชยชนก ชิดชอบ กล่าวว่า การเปรียบเทียบตำแหน่งเลขาฯพรรค เป็นแม่บ้านรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหมาะสมมาก แต่ถ้าถามว่ายากหรือไม่ จะทำอย่างไร พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีแม่บ้านพรรคเพียงแค่คนเดียว แต่มีหลายคน ทุกคนร่วมช่วยกันมาโดยตลอด ถ้าเปรียบเหมือนพรรคเป็นบ้าน แล้วมีสมาชิกคนอื่น ๆ อีก ถึงบ้านจะรก หรือมีสิ่งต้องพัฒนา แต่ทุกคนช่วยกันเก็บ ช่วยกันปรับปรุง งานแม่บ้านพรรคก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

ด้านนายอนุทินกล่าวเสริมว่า เราเติบโตขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จากการทำงานที่หนักหน่วงของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เราเป็นนักการเมือง โดยจิตวิญญาณ และสายเลือด ทุกคนมีความพึงพอใจ มีความสุขที่จะได้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ทุกคนมาทำงานที่สภา พอถึงเวลาก็ลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน นี่คือสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย

“เรามั่นใจว่าจะใช้ทั้งนโยบายของพรรคที่สัญญาให้กับพี่น้องประชาชนและการทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ จะร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลในการผลักดันทุก ๆ อย่างที่เป็นประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจทำใจไทยพูดแล้วทำ ต้องเป็นพรรคปฏิบัติการ พูดแต่ในเรื่องจับต้องได้ ก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่สัญญาลม ๆ แล้ง ๆ พูดแล้วเกิดความรู้สึกที่ดีกับประชาชนแต่ทำไม่ได้ จึงทำให้พรรคภูมิใจไทยทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งโตขึ้นเรื่อย ๆ” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า ตำแหน่งเลขาฯพรรคเป็นบ้านใหญ่ตระกูลชิดชอบคนที่ 2 ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญ นายเนวิน ชิดชอบ ผู้เป็นพ่อได้ให้คำแนะนำ เตรียมแนวทางอย่างไร รวมถึงการถูกสังคมมองว่าเป็นล็อกเก้าอี้นี้ไว้ให้ตระกูลชิดชอบ

นายไชยชนกกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกของพ่อ และหลานของปู่คือนายชัย ชิดชอบ จะมีโอกาส รวมถึงมีความคาดหวังจากสมาชิกพรรค และประชาชนที่จะมีตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในพรรค ก็คงปฏิเสธไม่ได้ ไม่ผิดที่คนจะมองอย่างไร

ตนไม่ได้มีความคิดที่บวกและลบในเรื่องนี้ แต่ในเวลาเดียวกันจากที่ตนเป็นลูกพ่อ เป็นหลานปู่ ประสบการณ์ที่ตนได้รับ และเติบโตขึ้นมามีหลายอย่างที่ส่งเสริมให้ตนได้เรียนรู้ได้เร็วพอสมควร ในการเตรียมตัวเองให้เหมาะสมกับตำแหน่งเลขาฯพรรคมากขึ้นเรื่อย ๆ ในความเป็นทายาท ตนคิดว่ามีมุมบวกค่อนข้างมาก แต่ตนต้องพิสูจน์ตัวเอง ถือเป็นหน้าที่ของประชาชน และสมาชิกพรรคที่จะตัดสินจากผลงาน

เมื่อถามว่า จะมีส่วนตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในพรรคด้วยหรือไม่

นายอนุทินตอบแทนว่า ตำแหน่งเลขาฯพรรคเพิ่งรับตำแหน่งได้เพียงไม่ถึงชั่วโมง จะตัดสินใจอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่หัวหน้าพรรคยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจะตอบอย่างไร เขาอาจจะเกรงใจ แต่ตนยืนยันว่ากรรมการบริหารพรรคทุกคนตัดสินใจได้ทุกคน เพราะทั้งเสนอแนะ ดำเนินงาน และร่วมกันตัดสินใจในการทำงานของพรรค

ขณะที่นายไชยชนกกล่าวเสริมว่า การตั้งคำถามนี้ออกมาน่าจะเป็นเพราะ หลายคนไม่ได้อยู่ในกระบวนการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่ปัจจุบันไปถึงอนาคตข้างหน้า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจล้วนผ่านกระบวนการปรึกษาหารือกับ สส.สมัยเก่า และสมัยใหม่ กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า-ใหม่ ไม่ได้เกิดจากพวกตนคิดกันเอง เราทำงานเป็นทีมจริง ๆ ทุกคนไม่มีใครทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว

“ความหมายของเจนเก่าและเจนใหม่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องอายุ แต่หมายถึงกระบวนการการคิด วิธีคิด และการทำงานร่วมกันที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเวลา เป็นการหลอมหลวมของพรรคภูมิใจไทย” นายไชยชนกกล่าว

เมื่อถามว่า แล้วคนรุ่นเก่าของพรรคจะทำอย่างไร

นายอนุทินกล่าวว่า มีคนบอกว่าบ้านใหญ่ไม่มีแล้ว ตนว่าไม่ใช่ ผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายมีทั้งประสบการณ์และบารมี แต่นี่คือหลักการบริหารงานแบบใหม่เปลี่ยนแปลงการบริหารงาน ไม่ใช่ไปรอจนหมดอายุ แล้วค่อยมาเปลี่ยนแปลง แต่เราเร่งเปลี่ยนแปลงในตอนที่พรรคแข็งแรง มีบทบาทสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน กรรมการบริหารพรรคชุดนี้ไม่ใช่เด็กฝึกงาน ไม่ใช่มาทดลองงาน เพราะเขาทดลองงานมาเรียบร้อยแล้ว ผ่านสนามเลือกตั้งทางการเมืองมาแล้ว ต้องถือว่าได้ผ่านเส้นทางที่ยากที่สุดมาแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเรื่องฝีมือ ความตั้งใจใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเข้ามาแล้วทำงานได้เลย

“ผมยืนยันว่าไม่มีใครมาบังคับ ผมรอวันนี้มานาน ผมคิดว่าวันหนึ่งผมก็ต้องไปเป็นเบื้องหลังคอยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ แต่ช่วงนี้เป็นการต่อเนื่องเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสมูทราบรื่นที่สุด ผมก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ที่เป็นคนรุ่นใหม่ แทนที่กรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คนต้องปรับตัวเข้ากับผม” นายอนุทินกล่าว