ครม.เห็นชอบปรับแผนการคลัง 2568-2571 เพิ่มงบขาดดุล 152,700 ล้าน

ชัย วัชรงค์
ชัย วัชรงค์

ครม.ผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง 2568-2571 เพิ่มงบขาดดุล 152,700 ล้าน โฆษกรัฐบาลการันตี เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2568 ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3

วันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) ของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้เสนอแผนการคลังระยะปานกลางไปแล้วเมื่อปี 2566 แต่ปรากฏว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจแสดงผลลัพธ์ออกมาว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น

เช่น ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 2.2-3.2 ต่อปี การเติบตัวของจีดีพีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 หดตัวลง 0.6% จากไตรมาสที่ 3 ถัดมายังต้องเผชิญปัญหาทั้งภายนอกและภายใน ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ ปัญหาการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นมาก

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู และส่งเสริมอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ย และขยายตัวสูงกว่าอัตราการขยายตัวตามศักยภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามทิศทางดำเนินการนโยบายการคลังมีความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องทบทวนแผนการคลัง

“เพื่อสร้างความคุ้มกัน พร้อมรับกับความเสี่ยงต่าง ๆ และสามารถวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังของประเทศได้อย่างเหมาะสม” นายชัยกล่าว

นายชัยกล่าวว่า ตัวเลขประมานการที่อยู่ในแผนการคลังระยะปานกลาง มีการปรับจีดีพีลดลง ของเดิมปี 2567 คาดว่าจีดีพีประมาณ 19 ล้านล้านบาท ของใหม่จะลดไป 3.66 แสนล้านบาท เหลือ 18.56 ล้านล้านบาท จีดีพีจากเดิมที่คาดว่าโตร้อยละ 3 ในปี 2567 ของใหม่ปรับเหลือร้อยละ 2.7 อย่างไรก็ตาม จีดีพีจากปี 2567-2571 ต่ำกว่าของเดิมประมาณ .3% .4% .5% ดังนั้น แผนการคลังต้องปรับตาม รายได้ยังไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ แต่รายจ่ายจะมีการเปลี่ยนแปลง

“การเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเกิดขึ้นในแผนการใช้จ่ายปี 2568 จากแผนเดิมรายจ่ายภาครัฐ 3.6 ล้านล้านบาท ปรับขึ้นเป็น 3.7527 ล้านล้าน เพิ่มขึ้นมา 152,700 ล้านบาท นอกนั้นแทบจะคงเดิมหมด นอกจากปรับไปแล้ว แต่ไม่ทำให้หนี้สาธารณะเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง อยู่ที่ 66.93% ซึ่งไม่เกิน 70% ของจีดีพี และจะอยู่ในระดับ 65-67% ของจีดีพีในแต่ละปี จนกระทั่งถึงปี 2571 ขณะที่ดุลการคลังจะมีการขาดดุลไม่เกิน 3% ของจีดีพี ซึ่งแผนระยะปานกลางจะเข้าสู่จุดสมดุลในปี 2571” นายชัยกล่าว

นายชัยกล่าวว่า เมื่อมีการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลางตามนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยหลังจากปี 2568 เป็นต้นไปจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% แต่จะบวกได้มากแค่ไหน ต้องติดตามพัฒนาการในแต่ละช่วง

ส่วนการขยับแผนดังกล่าวจะนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการดิจิทัลวอลเลตหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ในแผนไม่ได้พูดถึงรายละเอียด แต่พูดแค่กรอบวงเงิน