
เศรษฐา เอาจริง สั่งภูมิธรรม บูรณาการแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลักไทย พาณิชย์ เล็งให้ผู้ค้าต้องจดทะเบียนในไทย-จำกัดจำนวนชิ้นนำเข้า
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาสูงผิดปกติ
ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีก มีตัวเลขรายงานว่า มูลค่าปีละ 1.53 ล้านล้านบาท ซึ่งกระทบกับภาค SMEs ไทยอย่างยิ่ง นายกฯ จึงยกเป็นข้อสั่งการข้อแรก โดยสั่งการให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมในการบริหารจัดการไม่ให้การค้าออนไลน์ ออฟไลน์ จากแพลตฟอร์มต่างประเทศเข้ามากระทบกับธุรกิจของประเทศไทย
โดยมาตรการที่นายกรัฐมนตรีมอบให้นายภูมิธรรมไปดำเนินการ คือ 1.ตรวจสอบการจดทะเบียนธุรกิจการค้า และใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อดำเนินการ หากใครค้าขายผิดกฎหมายหรือเป็นธุรกิจสีเทาจากต่างประเทศ หรือไม่มีใบอนุญาตในการขึ้นทะเบียน ก็ต้องจัดการ 2.ตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น อย., มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อปกป้องผู้บริโภคคนไทย โดยสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจะรับผิดชอบในส่วนนี้ และประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ
3.ตรวจสอบใบอนุญาตการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากต่างประเทศ และการชำระอากรขาเข้าว่าการนำเข้าว่าเสียภาษีเข้ามาหรือไม่ และ 4.ตรวจใบอนุญาตการตั้งโรงงาน โดยให้กรมโรงงานเป็นผู้ตรวจสอบ
นายกฯย้ำว่าแม้จะมีการตรวจสอบ แต่ขอให้รักษาสมดุลการค้าให้เป็นไปตาม ข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศดูแลสมดุลระหว่างผลประโยชน์ เราไม่ได้เสียประโยชน์อย่างเดียว บางด้านเราก็ได้ประโยชน์ ดังนั้น ต้องดูให้สมดุลสร้างความยุติธรรมให้กับนักธุรกิจไทย
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ของไทยกำลังพิจารณาว่าจะนำมาตรการการส่งสินค้าของจีนมาใช้ เช่น ใครจะทำการค้าออนไลน์จะต้องขึ้นทะเบียน จำกัดจำนวนชิ้นนำเข้าสินค้า และจำกัดมูลค่าสินค้าที่ซื้อออนไลน์ ซึ่งประเทศจีนก็ทำลักษณะนี้ และกระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาว่าอาจจะนำมาใช้หรือไม่