ครม.ไฟเขียว ปลดล็อกกัญชาเพื่อการผลิต-นำเข้า-ส่งออก

พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือ มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. …. เพื่อให้มีการควบคุมและกำกับดูแลที่เข้มงวด รัดกุม อันเป็นการป้องกันการนำกัญชาไปใช้ในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังได้มีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2562 โดยกำหนดคำนิยาม คำว่า “กัญชา” “ผู้ได้รับอนุญาต” และ “หน่วยงานของรัฐ”

กำหนดให้การขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือ ส่งออก ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา มี 7 ประเภท ได้แก่ 1 เพื่อใช้ในทางการแพทย์ในประเทศ 2.เพื่อการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ทางด้านการแพทย์ หรือ วิทยาศาสตร์ หรือ เภสัชกรรม 3.เพื่อประโยชน์ทางราชการ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและความร่วมมือระหว่างประเทศ 4.เพื่อการผลิตเพื่อส่งออก และส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชา

5.เพื่อการผลิตซึ่งกระทำโดยการปรุงยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชา สำหรับคนไข้เฉพาะราย ของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือ หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย 6.เพื่อรักษาโรคกรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย และ 7.กรณีผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรสำหรับใช้รักษาเฉพาะตัวภายใน 90 วัน

กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือ ส่งออก ให้จำหน่าย หรือ มีไว้ในครอบครองกัญชา กำหนดให้ปลูกกัญชาในสถานที่ที่ระบุไว้เท่านั้น และในการปลูกทุกครั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์ เนื้อเยื้อ หรือ วิธีการอื่นตามที่ได้รับอนุญาตแล้วและจัดแนวเขตพื้นที่การเพาะปลูกที่เห็นได้ชัด

กำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องจัดให้มีการสุ่มวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบหาปริมาณสาระสำคัญในกัญชา กำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์กัญชาจะผลิตหรือนำเข้าซึ่งตำรับยาเสพติด ฯ ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ต้องขอการรับรองตำรับต่อผู้อนุญาตก่อน