“บิ๊กตู่” ยันความขัดแย้งใน พปชร.เคลียร์จบแล้ว จ่อจัดระเบียบพรรคยุบสารพัดมุ้ง ใช้มติพรรคตัดสิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เป็นเรื่องธรรมดามีความขัดแย้งทุกพรรค เพียงแต่จะแสดงออกกันมาอย่างไร ตนทราบว่าขณะนี้มีความก้าวหน้าเพราะมีการแถลงข่าวไปแล้วก็เป็นไปตามนั้น ขอขอบคุณทุกคน ขออย่าโกรธแค้นเคืองกันไปเลย เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจไม่คล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นักการเมืองก็เข้าใจ เมื่อเราทำให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยไปได้ ก็ถือว่าเราได้เริ่มปฏิรูปตามกลไกกติกาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พปชร.เป็นพรรคใหม่ การที่คนจากหลายๆ พรรคมารวมกันเพื่อจะขับเคลื่อนไปด้วยกัน ต้องเกิดความขัดแย้งภายในอยู่บ้าง เพียงแต่สื่อให้ความสนใจจนเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ซึ่งควรจะจบได้แล้ว ในฐานะที่ตนถูกเสนอตัวเป็นนายกฯ ก็กำชับว่าควรจะหากฎระเบียบภายในพรรคให้เกิดความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดิมๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน บางทีก็มีปัญหา เมื่อเข้าใจตรงกันก็จบ ตนก็ลืมไปแล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อไป เพราะตนหวังให้ พปชร. เป็นพรรคที่ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อชาติและประชาชนต่อไปในอนาคต เราจะเดินหน้าไปด้วยกลไกทางการเมือง รัฐธรรมนูญ กฎระเบียบของพรรคให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต

“ธรรมดาที่ผมมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็สบายใจ ขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ชะงักตรงไหนแล้ว มีการตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งทางเอกสาร ตรวจสอบจากบุคคลภายนอก เมื่อตรวจสอบแล้วก็ต้องมารับรอง ให้เวลาแก้ปัญหาของตัวเองตามรัฐธรรมนูญใหม่ เช่น เรื่องการถือหุ้น เมื่อแล้วเสร็จก็จะทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณ คิดว่าอีกไม่กี่วันจะเรียบร้อยไม่ต้องกังวล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนประโยคในสารถึงประชาชนที่ระบุว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิมๆ คืออะไรนั้น ตนไม่อยากให้ตีความลึกซึ้ง เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าปัญหา ทางการเมืองก็เดินขบวนและขยายความรุนแรงมากขึ้น จึงต้องบังคับใช้กฎหมายมากยิ่งขึ้น ทุกฝ่ายไม่มีความสุข คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็เดือดร้อนไปด้วย ตนพูดแค่นี้เพื่อไม่ต้องการให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นไปอีก

“เรื่องปฏิวัติรัฐประหารซ้อน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก แม้กระทั่งผมทำเองผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ในเวลานั้นผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่ดี ดังนั้น กลับมาสู่การแก้ปัญหาที่ถูกวิธีจะดีกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนหลายด้าน บางอย่างดี บางอย่างยังไม่เรียบร้อย แต่เราหยุดแค่นี้ไม่ได้ ไหนๆ ก็ทำมาถึงตรงนี้แล้วเราต้องร่วมมือกัน รัฐบาล ฝ่ายค้าน เอกชน ภาคประชาสังคมต้องช่วยกัน เราต้องปฏิรูปทุกอย่างไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเสียงวิจารณ์เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้านั้น ช้าอย่างไรยังไม่เข้าใจตรงนี้ เพราะระยะเวลาเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ และมีพระราชพิธีสำคัญ วันนี้ยังไม่ได้ผิดเพี้ยนจากกรอบเวลาเดิมที่ตั้งเอาไว้เดือนกรกฎาคม ขออย่าไปบิดเบือนตรงนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าเราต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้

ผู้สื่อข่าวเมื่อถามว่า บริหารประเทศ 5 ปี หลังเลือกตั้งมาเจอปัญหามีปวดหัวบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำงานทุกอย่างไม่ปวดหัวจะเรียกว่าทำงานเหรอ เพราะต้องใช้หัวสมองในการทำงาน และต้องทำความเข้าใจกับสังคมเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ขอบคุณที่มีการสนับสนุนตนมากพอสมควร ขอให้เชื่อมั่นว่าด้วยกลไกระบอบประชาธิปไตยจะทำให้ตนทำงานสำเร็จ บริหารราชการด้วยความเรียบร้อยต่อไป สร้างหลักคิดใหม่ๆ ให้กับคนอื่นด้วยว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองดีขึ้นกว่าเดิม เพราะตนคงไม่อยู่ตลอดไป วันข้างหน้าก็ต้องมีคนรุ่นใหม่เข้ามา แต่เราต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อม

เมื่อถามว่า การเคลียร์ปัญหาตำแหน่งรัฐมนตรีใน พปชร.จบลงแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เสร็จแล้ว จบแล้ว เรื่องเสียงปริ่มน้ำไม่มีหรอก เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะปรับตำแหน่งรัฐมนตรีให้เหมาะสม เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นอีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเกิดขึ้นก็แก้กันต่อไป ปัญหามีเอาไว้ให้แก้ เข้าใจไหม

เมื่อถามว่าจะยึดหลักอะไรในการวางตัว ครม.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ต้องมีธรรมาภิบาล ทุกคนมีประสบการณ์ในการทำงานการเมืองมาแล้วหลายคน หวังว่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น แก้ไขปัญหาเดิมๆ ความไม่เชื่อมั่นได้ ตรงนี้คือโอกาสที่ตนให้กับทุกคน ถ้าตนไม่ให้โอกาสทุกคนก็มาตรงนี้ไม่ได้ เพราะทุกคนก็รู้ว่าที่ผ่านมาทำอะไรดี อะไรไม่ดีบ้าง ตนจึงให้โอกาสทุกคน เพราะได้รับคะแนนเสียงมาจากประชาชน แต่ตนขอโอกาสในฐานะนายกฯ ที่จะจัดการ ครม.ให้เหมาะสม นี่คือหน้าที่ของตน

เมื่อถามจะปรับกฎระเบียบใน พปชร.อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าวันข้างหน้าควรจะกลุ่มต่างๆ อยู่หรือเปล่า ควรจะเป็นพรรคหรือไม่ เป็นมติของพรรค ส่วนตนจะเข้ามามีส่วนในบริหารหรือไม่ ยังไม่เห็นความจำเป็นตอนนี้ ต้องดูว่าควรจะมีแค่ไหน หรือไม่มียังไม่รู้

เมื่อถามว่า นายกฯ สามารถควบคุมคนในพรรคได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ควบคุม ผมทำความเข้าใจกัน คุยกันทุกเรื่อง คนไทยด้วยกันทั้งหมด”