จ่ายมัดจำ ส.ส.งูเห่า คุมเสียงพรรคร่วม พลังประชารัฐ ตั้งป้อมสู้ซักฟอก

การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากบริหารราชการแผ่นดินมาราว 5 เดือน ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง กำลังจะระเบิดศึกขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะเป็น “อาทิตย์สุดท้าย” ก่อนรูดม่านปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 29 ก.พ. 2563 5+4 นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี คอพาดเขียง-ถูกเชือดคาโรงซักฟอก

บัญชีที่ 1 ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

บัญชีที่ 2 ได้แก่ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 2.นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 3.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ 4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มาแรงแซงทางโค้ง-เบียดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตกขอบ

เป็น “ครั้งแรก” ที่จะได้เห็น “พล.อ.ประยุทธ์” ลงสนามจริง-ขึ้นเวทีซักฟอก หลังจากผ่านสนามซ้อมการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ อย่างไรก็ดี แกนนำ-แกนตามพลังประชารัฐ-พรรคนั่งร้าน พล.อ.ประยุทธ์ ประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า “เอาอยู่”

“สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ใกล้เคียง หรืออาจเหนือกว่า อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ อดีตนายกฯชวน คือ ความขยันและความตั้งใจจริง แสดงให้เห็นจากการทำงาน 5 ปีที่ผ่านมา ในยุครัฐบาล-คสช. และการทำงาน 5 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้”

ปรับลุก พล.อ.ประยุทธ์

“จุดอ่อน” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” คือ เรื่องอารมณ์ เป็นคน “ใจร้อน” ผสมกับ “บุคลิกนายทหาร” ที่อยู่ในสายบังคับบัญชากองกำลังรบมาค่อนชีวิต ทำให้คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น-ปากตรงกับใจ

“เปิดช่องโหว่” ให้พรรคฝ่ายค้านตี ยิ่งสไตล์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “นายทหาร” ไม่ใช่นักการเมือง ที่มีผลงานมากมาย แต่ “ทำ 10 ประชาสัมพันธ์ 1” ทำให้ “อ่อนด้อย” เรื่องของการแถลงผลงาน-ชี้แจงประเด็นสำคัญ

“พลังประชารัฐเตรียมปรับแนวทางการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ slowdown อย่าไปตอบโต้ตามการยั่วยุ ให้ชี้แจงในข้อเท็จจริง และอยู่ในประเด็น เพื่อไม่ให้เข้าทางพรรคฝ่ายค้าน ที่พยายามทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ นอตหลุด”

ส่วน “องครักษ์พิทักษ์บิ๊กตู่” พรรคพลังประชารัฐเตรียมส่งขุนพล-คนหน้าเดิม คอย “ดีเลย์เกม” ของพรรคฝ่ายค้าน หากอภิปรายนอกประเด็น และ”พาดพิงบุพการี” ในทางเสียหาย ปมการซื้อ-ขายที่ดินพ่อ ย่านบางบอน

ฝ่ายค้านดีแต่ลีลา-ไม่มีของ

อย่างไรก็ตาม แกนนำระดับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ อ่านเกมคู่ต่อสู้ 7 พรรคฝ่ายค้านที่เตรียม 50 ขุนพลไว้ลับฝีปาก ว่า “ไม่มีของ” มีแต่ลีลา-ราคาคุย ช่ำชองแต่การใช้วาทกรรมทางการเมือง บดขยี้คู่แข่ง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เพราะไม่สามารถเกณฑ์ “ดาวสภา” เข้าประจำการเก้าอี้ผู้ทรงเกียรติได้เป็นกอบเป็นกำ มีแต่ “มือสมัครเล่น” ไม่มีพิษสง ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ส่วนคนที่มี “ข้อมูลดี” อย่าง นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ แต่ลีลาไม่อยู่ในภาพจำของกองเชียร์

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ แม้จะมี “ข้อมูลดี” แต่ “หน้าใหม่” และ “ขาดลีลา” ทำให้ไม่เรียกเสียงกองเชียร์ได้มากพอ เพราะประชาชนที่เข้ามาดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้ต้องการดูที่ข้อมูล แต่เข้ามาดูการลับฝีปาก-ลีลาของนักการเมืองในการอภิปราย

พลิกเกมโชว์ผลงาน

“อุตตม” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง “ติดโผ” ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เตรียมใช้ทั้ง “เอกสิทธิ์” ชี้แจง และ “สิทธิพาดพิง” แทนนายสมคิด-ลูกพี่ หากลูกแฉลบจากปมการบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว-ใช้เม็ดเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับการ “พลิกเกม” เปลี่ยนจากรับ กลับกลายเป็นรุก ใช้เวทีซักฟอก เปลี่ยนเป็นเวทีแถลงผลงานรัฐบาลไปในคราวเดียวกัน และขอถามกลับ “รัฐบาลนี้มีเรื่องทุจริตหรือไม่”

คุมเสียงพรรคร่วม (แตก)

แม้ “คีย์แมนฝีปากกล้า” ของพรรคเพื่อไทย “ไม่มาตามนัด” ทำให้พรรคฝ่ายค้านลดทอนกำลังไปมาก ขณะที่นักการเมือง-ส.ส.รุ่นเก๋า-ลายคราม ชั่วโมงบินในสภาหลายพรรษาอย่าง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาชาติ กลับกลายเป็น “ตัวประกอบ” ไม่มีบทบาทสำคัญ

ทว่า “สนิมเนื้อใน” พรรคร่วมรัฐบาลเองต่างหาก ที่เป็นปัจจัยชี้ขาด การอยู่-การไปของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็น “ก้อนเนื้อนอกบังคับ” ของรัฐบาล สถาปนาเป็น “รัฐอิสระ”

แต่แกนนำพลังประชารัฐที่เคยเป็นลูกหม้อ รู้ตื้นลึก-หนาบาง “พรรคเก่าแก่” เชื่อว่า เมื่อถึงเวลาเข้าด้าย-เข้าเข็ม คอขาดบาดตาย พรรคประชาธิปัตย์ที่ภายในแบ่งออกเป็นก๊ก-เป็นเหล่า จะ “รักษามารยาท” สังคมทางการเมือง ไม่ทำให้เสียงแตก จนรัฐบาลต้องล้มทั้งยืน

ชนะ 1 คะแนน = ชนะ

นับมืองูเห่า-เสียงปริศนา ที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำสามมิตร-คีย์เพลเยอร์สำคัญของพลังประชารัฐ เดินสาย “ซื้อตัวนักเตะ” ทีมคู่แข่งไว้ที่ “ม้านั่งสำรอง” เตรียมไว้เป็นบริการเสริม ในช่วงคับขัน ไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ โดยมี 5 เสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ มัดจำไว้แล้ว

เช่นเดียวกับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ขุนพลสามมิตร-มือปืนซุ้มพลังประชารัฐ ผู้ที่บัญญัติคำ “รัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาเพื่อพวกเรา” และ “ประชาธิปไตยอยู่ในมือเรา” เคยบันทึกคำให้การไว้ว่า

“รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แพ้-ชนะกันไม่กี่เสียง แต่ถ้ามีเสียงให้ครบ ยกมือให้ได้เกินครึ่งหนึ่ง 250, 249 ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ต้องมาให้ครบ องค์ประชุมให้มันได้ จบ ประชาธิปไตยอยู่ที่มือ”

แกนนำพลังประชารัฐฟันธงว่า หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะ “เปลี่ยนตัวขุนพล” ในบางตำแหน่ง และที่คาดว่าจะมีการปรับ ครม.ในเดือนเมษายน อาจจะเร็วกว่าคิด คือ เดือนมีนาคม