คณะอนาคตใหม่ จุดไฟนอกสภา เปิดโปง 1MDB-ดึงม็อบนักศึกษา คณาจารย์

วินาทีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคในเวลานั้น ประกาศว่า การยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่เป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ของกลุ่มอำนาจเก่า แต่เป็น “ไฟลามทุ่ง” พร้อมสถาปนา “คณะอนาคตใหม่” แทน “พรรคอนาคตใหม่” ไม่ทันถึง 48 ชั่วโมง ไฟลามทุ่งของ “ปิยบุตร” สำแดงผล ในด้านต่างๆ ที่ยึดโยงกับคำวินิจฉัยยุบพรรค หลังอนาคตใหม่ ไม่ใช่เป็นพรรคการเมือง ไม่มีตัวตนในสภาผู้แทนราษฎรในศึกซักฟอกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

@ ชุลมุนอภิปรายนอกสภา

คณะอนาคตใหม่ จึงเปิดศึกซักฟอกนอกสภา โดย “พรรณิการ์ วานิช” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ประเดิมเปิดฟลอร์ซักฟอกเป็นคนแรกแบบ “ไร้เอกสิทธิ์ ส.ส.” คุ้มครอง หัวข้อ “รัฐบาลประยุทธ์กับการทุจริตที่อื้อฉาวไปทั้งโลก 1 MDB” (1 Malaysia Development Berhad) หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เปิดเงื่อนงำไม่ชอบพามากล เชื่อมโยงกับคนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

กล่าวหาใน 2 กระทงความผิด ข้อแรก ตั้งแต่ปี 2558-2563 ตำรวจไทยจับกุม “นายฆาเบียร์ ฆุสโต” ผู้เปิดโปงข้อมูลความไม่ชอบมาพากล 1MDB โดยตั้งข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ อ้างว่าได้รับการประสานงานจากบริษัท เปโตร ซาอุดี ให้ติดตามจับกุม โดยอ้างว่านายฆาเบียร์เรียกเอาเงิน 83 ล้านบาทจากแพทริค มาฮอนี ผู้จัดการของบริษัท เปโตร ซาอุดี แลกกับการไม่เปิดเผยข้อมูลการค้าของบริษัท

พรรณิการ์อภิปรายนอกสภาว่า ตำรวจกองปราบฯ แถลงว่าได้มีตำรวจจากอังกฤษเข้าร่วมสอบสวนคดีนี้ คือ “พอล ฟินิแกน” อดีตสกอตแลนด์ยาร์ด สามารถเข้า-ออกเรือนจำ เยี่ยมฆุสโตได้ตลอดเวลา มีหลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งฟินิแกนและมาฮอนีร่วมมือกับตำรวจไทยใช้วิธีต่างๆ เพื่อกดดันให้ฆาเบียร์ยอมรับสารภาพความเท็จว่าเขากุเรื่อง 1MDB ขึ้นเพื่อใส่ร้ายนาจิบ ราซัค นายกฯ ในขณะนั้น

“ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า รัฐบาลไทยมีส่วนช่วยในการปกปิดข้อมูลคดี 1MDB ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของต่างประเทศ และบิดผันกระบวนการยุติธรรมของไทย”

ข้อกล่าวหาต่อมา ไทยให้ที่พักพิง “โลว เตียก โจว” หรือ “โจ โล” โดยรัฐบาลสิงคโปร์ขอให้ตำรวจสากลออกหมายแดงติดตามตัวโจ โล คนสนิทของนายนาจิบ ราซัก ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2559 ทั้งที่มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยถึง 5 ครั้ง ผ่านเครื่องบินส่วนตัวทั้งในสนามบินกรุงเทพฯ และภูเก็ต

“พฤติการณ์ดังกล่าวอาศัยหน่วยงานรัฐมากกว่า 1 หน่วยงาน โดยมีทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สตม. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ บุคคลที่มีอำนาจในการสั่งการจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดนี้มีความน่ากังวลว่าประเทศไทยกำลังถูกโกง โดยรัฐบาลกำลังปิดข้อเท็จจริงอาชญากรรมทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อต้องการรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีการรับเงินรับทองหรือไม่ ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังสอบสวน หากผลการสอบสวนออกมา คงจะรู้ว่าเงินที่หายไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง”

ไม่ถึง 24 ชั่วโมง “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวถึงการฟ้องกลับว่า “ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบของเขา ถ้าไม่จริงก็ฟ้องไปสิ อันไหนฟ้องได้ก็ต้องฟ้อง”

ขณะที่ ช่อ – พรรณิการ์ ไม่สนถูกฟ้อง “พร้อมเข้าสู่กระบวนการ แต่ขอให้นายกรัฐมนตรี ฟ้องมาคนเดียว ไม่จำเป็นต้องรบกวนหน่วยงานอื่นๆ มาฟ้องร้อง เพราะทราบว่า จะให้หน่วยงานที่ถูกพาดพิงมาฟ้องร้องด้วย”

“ไม่กลัวการฟ้องกลับ เพราะหากกลัว ก็คงไม่เดินมาถึงขั้นนี้ ย้ำว่าไม่ใช่การแก้แค้นที่ถูกยุบพรรค จึงออกมาเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องที่เตรียมไว้เพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ”

หลังอภิปรายนอกสภา “คณะอนาคตใหม่” จัดทำคลิปวิดีโอสรุปเรื่องราวเผยแพร่ในสังคมออนไลน์

“ไฟลามทุ่ง” เริ่มโหมกระหน่ำ ไม่เพียงคดีอาญาหมิ่นประมาท – นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ

@ จากศาลรัฐธรรมนูญ สู่ศาลอาญา

แต่จ่อถูกดำเนินคดีอาญาเรื่องการกู้เงิน เกินกว่าที่มาตรา 66 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนด ว่าห้ามบุคคลบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเกิน 10 ล้านบาท ต่อคน/ปี

ซึ่ง กกต.เตรียมนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาสังเคราะห์ก่อนชงดำเนินคดีอาญา “อิทธิพร บุญประคอง” ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยว่า การประชุม กกต. วันที่ 24-25 กุมภาพันธ์จะมีการหารือ เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยความผิดคดีเงินกู้ 191.2 ล้านบาท โดยจะต้องนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาศึกษารายละเอียด รวมถึงต้องศึกษาข้อกฎหมาย และรายละเอียดความผิดที่ชัดเจน ก่อนฟ้องร้องดำเนินคดีทางอาญา

พลิกมาตรา 124 บัญญัติโทษบุคคลที่บริจาคเงินให้พรรคการเมืองเกิน 10 ล้านบาท ต่อคน/ปี ว่า ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี

ส่วนมาตรา 125 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 บัญญัติโทษพรรคการเมืองที่รับเงินเกินที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกําหนด 5 ปี และให้เงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุน ดังนั้น 181.2 ล้านบาท อาจตกเข้าสู่กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

ยังไม่นับคดีของ “ธนาธร” ถือหุ้นวีลัคมีเดีย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้สิ้นสุดความเป็น ส.ส.ไปก่อนหน้านี้และกำลังพิจารณา ฟ้องอาญาธนาธรอีก 1 คดี ในข้อหาความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ระบุว่า

“ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ”

โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 – 200,000 บาท

@ ไฟลามทุ่งถึงรั้วมหา’ลัย

ไฟยังลามทุ่งไปถึงรั้วมหาวิทยาลัย ดูเหมือนว่าหลังการยุบพรรค “คณะอนาคตใหม่” ได้รับแรงโอบอุ้มจากแฟนนานุแฟนมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนหลักในรั้วมหาวิทยาลัย ประกาศจัด Flash mob ลามไปถึง ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ เกมนอกสภากำลังท้าทายอำนาจรัฐ

แถมฟากนักวิชาการนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ 36 คน ออกแถลงการณ์ แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการ “ยุบพรรค”

ความตอนหนึ่ง ระบุว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรคตามหลักการที่เกิดขึ้นในต่างประเทศนั้น เกิดจากแนวคิดในเรื่องการพิทักษ์รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยจากภยันตรายอย่างร้ายแรงที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย ไปสู่การปกครองในระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จหรือเผด็จการ

“การยุบพรรคจึงถูกใช้เฉพาะที่ได้ความอย่างชัดแจ้งและปราศจากข้อสงสัยว่าพรรคหรือกลุ่มทางการเมืองกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญ”

ที่น่าสังเกต ยังมี “สุรพล นิติไกรพจน์” อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ “อุดม รัฐอมฤทธิ์” อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งในรายของ “อุดม” เป็นอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่วมลงชื่อด้วย

@ “มะกัน” ยุคทรัมป์ ยังติงไทย

ฟากการเมืองระหว่างประเทศ การยุบพรรคอนาคตใหม่ ยังถูกเสียงท้วงติงจากมหามิตร สหรัฐอเมริกา โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐฯออกแถลงการณ์ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า

“สหรัฐอเมริกาส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ในทุกประเทศทั่วโลก และชื่นชมประเทศไทยที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยวิถีแห่งประชาธิปไตยเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าสหรัฐไม่ได้ถือข้างหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดในประเทศไทยเป็นพิเศษ”

“แต่ประชาชนกว่า 6 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงเลือกพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา คำพิพากษาให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิของผู้ลงคะแนนเสียงเหล่านั้น และทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะยังคงมีสิทธิมีเสียงในระบบการเลือกตั้งของไทยหรือไม่”

ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ ของไทยได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ระบุว่า “ประเทศไทยรับทราบความสนใจของบางประเทศต่อกรณีคดีความซึ่งนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2563 คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยปราศจากอคติต่อการกระทำหรือผู้กระทำที่เกี่ยวข้อง”

การยุบพรรคอนาคตใหม่ จะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง ไปสู่ไฟลามทุ่ง!