“อัศวเหม” ผนึก “บิ๊กป้อม” บี้ฝ่ายค้าน ชิง ส.ส. เลือกตั้งซ่อมสมุทรปราการ

เลือกตั้งซ่อม สมุทรปราการ

ตามไทม์ไลน์ เลือกตั้งซ่อม สมุทรปราการ เขต 5 ที่ “อิทธิพร บุญประคอง” ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กางปฏิทินให้ดูว่า วัน “หย่อนบัตร” ครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2563

โดยขณะนี้ กกต. ยังรอรัฐบาลให้ดำเนินการในเรื่องของการตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งซ่อม กกต. จึงจะประกาศ วัน ว.เวลา น. ได้อย่างเป็นทางการแต่ฟากพรรคการเมืองไม่ต้องรอถึงวันที่ กกต. และ รัฐบาล ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ก็ประกาศเปิดตัวผู้สมัครกันครึกโครม เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

ส่งคนเดิมลงสมัคร

เริ่มจากแชมป์เก่า “พลังประชารัฐ” ที่เข็น “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ลงป้องกันแชมป์ หลังจากถูกใบเหลืองข้อหาคนใกล้ชิดไปมอบพวงหรีดและเงินใส่ซองช่วยงานศพ 1,000 บาท ซึ่งเจ้าตัวยังมั่นใจว่าจะรักษาพื้นที่เอาไว้ได้

หลังจาก “กรุงศรีวิไล” ปาดน้ำตา ขณะยื่นใบลาออกจากภูมิใจไทยที่สำนักงาน กกต. มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ใต้ร่มเงาซุ้มการเมืองบ้านใหญ่ปากน้ำ “อัศวเหม” ซึ่งกลับมาผงาดอีกครั้งในนามพลังประชารัฐ แถมยังได้อาวุธใหม่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ มาเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งในยุคเพื่อไทยรุ่งเรือง มีนายกฯชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ปี 2554 พื้นที่ทั้งสมุทรปราการต้องยกให้กับกลุ่มประชา ประสพดี-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์-วรชัย เหมะ

แต่ที่สุดแล้วในการเลือกตั้งใหญ่ 24 มีนาคม 2562 นักเลือกตั้งภายใต้สังกัด “อัศวเหม” กลับมาผงาดเป็น ส.ส.สมุทรปราการได้ 5 คน จาก 6 คน ประกอบด้วย:

  • เขต 1 นายอัครวัฒน์ อัศวเหม
  • เขต 2 นายยงยุทธ สุวรรณบุตร
  • เขต 3 นางสาวภริม พูลเจริญ
  • เขต 5 นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก
  • เขต 6 นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ

ส่วนสมุทรปราการ เขต 7 “ไพลิน เทียนสุวรรณ” ผันไปอยู่กลุ่มวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล การเลือกตั้ง 2562 พลังประชารัฐกวาด ส.ส.สมุทรปราการได้ทั้งหมด 6 เขต จากทั้งหมด 7 เขต ลูกทีม “อัศวเหม” พลาดท่าแค่เขตเลือกตั้งที่ 4 คือ “จาตุรนต์ นกขมิ้น” ที่แพ้ให้กับ “วุฒินันท์ บุญชู” ของอนาคตใหม่

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ส่งคนเดิม “สลิลทิพย์ สุขวัฒน์” ลงแข่งเช่นกัน “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” การันตีว่า นางสลิลทิพย์ถือเป็นคนคุณภาพของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกเมื่อปี 2544 จนได้เป็น ส.ส.มาถึง 3 สมัย แม้ว่าเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะพลาดไป แต่สลิลทิพย์ยังคงลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 มั่นใจว่าจะสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้”

แต่ที่ดูจะไม่สมูท-ราบรื่น คือพรรคก้าวไกล ร่างไมเนอร์เชนจ์ของ “อนาคตใหม่” ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถือธงนำ ได้เปลี่ยนตัวผู้สมัครคนเก่าเป็นคนใหม่ ปรับแผนเลือกตั้งกะทันหัน โดยการโหวตของคณะกรรมการบริหารพรรค เลือก “อิศราวุธ ณ น่าน” (พีท) นักธุรกิจในพื้นที่ แทน “ตรัยวรรธ์ อิ่มใจ” คนเก่า กระทั่งเกิด “ดราม่า” ชามใหญ่ เมื่อ “ตรัยวรรธ์” ประกาศยุติบทบาทกับพรรคทันที โดยไม่แจงเหตุผล

ทางพรรคก้าวไกล ผลิตข่าวให้กับ “นักข่าว” อธิบายถึงความของผู้สมัครรายใหม่ว่า “พีท” มีศักยภาพเหมาะสมที่สุดที่จะนำพาก้าวไกลชนะศึกเลือกตั้งนี้ได้ เพราะพื้นเพเป็นคนสมุทรปราการแต่กำเนิด เกิดและโตในพื้นที่ และมารดาเป็นชาวสมุทรปราการโดยพื้นเพ ในปัจจุบันนับว่าเป็นคนหนุ่ม เป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของกิจการในพื้นที่อำเภอบางบ่อ ทำให้เป็นผู้รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี

วิเคราะห์เลือกตั้งซ่อม สมุทรปราการ

ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา “กรุง ศรีวิไล” ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 41,745 คะแนน ทิ้งอันดับสองจากเพื่อไทย คือ “สลิลทิพย์ สุขวัฒน์” ด้วย คะแนน 33,007 คะแนน และอันดับ 3 คือ “ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ” จากพรรคอนาคตใหม่ ได้ 31,430 คะแนน คะแนนห่างระหว่างอันดับแค่ 1 คะแนนเศษเท่านั้น

การชิงเก้าอี้ ส.ส.สมุทรปราการ จึงดุเดือดเลือดพล่าน “อัศวเหม” ในนามพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล หวังเก็บชัยชนะเลือกตั้งซ่อม 4 นัดรวด ตั้งแต่ขอนแก่น เพชรบูรณ์ ลำปาง

ขณะที่ฝ่ายค้านเพื่อไทย-อนาคตใหม่แนวโน้มตัดคะแนนกันสูง เพราะไม่หลีก-หลบทางให้กัน ต่างจากเลือกตั้งซ่อม 4 ครั้ง ทั้งนครปฐม ขอนแก่น เพชรบูรณ์ ลำปาง ต่างหลีกทางให้กันเพราะก้าวไกลเชื่อมั่นใน “กระแส” ของพรรคที่ต่อยอดจากอนาคตใหม่ ที่ชิงพื้นที่สมุทรปราการได้มา 1 เขตเลือกตั้ง

“สติธร ธนานิธิโชติ” นักวิจัยการเมืองจากสถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์เกมเลือกตั้งสมุทรปราการว่า สมุทรปราการยังมีความพิเศษ มีคะแนนกระแสของก้าวไกล แต่ต้องเทียบกับการเลือกตั้งนครปฐม แต่สุดท้ายเพื่อไทยส่งคนเดิม ลงก็จบ เพราะเพื่อไทยกับก้าวไกลลงสมัคร ตอนเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค. ยังแพ้ถ้าเลือกตั้งซ่อมไม่หลีก ไม่ช่วยกัน ถือว่ารอดยาก มีโมเดลเดียวต้องช่วยกันแพ็กกันเป็นทีม ไม่ใช่ถอยให้กันเฉย ๆ เท่านั้น ถึงจะช่วยกันยังไม่รู้ว่าจะชนะได้หรือไม่อีกด้วย”

“เพราะของพลังประชารัฐช่วงนี้เขาแรงจริง” สติธรกล่าว