ปรับ ครม. พลังประชารัฐ 2 ขั้วเปิดศึกชิงขุมทรัพย์ กระทรวงพลังงาน

ปรับ ครม. พลังประชารัฐ 2 ขั้วเปิดศึกชิงขุมทรัพย์ กระทรวงพลังงาน

การลาออกของรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมาร คืนโควต้ารัฐมนตรี 4 คน ให้นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจ ปรับ ครม. เร็วขึ้น

วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังปราฏการณ์หลังจากถูกกลุ่มการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ในชื่อ “สามมิตร” ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย เป็นแกนนำในการรุกไล่ จนกลุ่ม 4 กุมารต้องพ้นจากหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค

และต้องลาออกจากสมาชิกพรรค เพราะถูกกดดันจากสารพัดกลุ่มการเมืองที่จับมือกัน สนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคคนใหม่ เร่งรัดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วที่สุด

ทำให้รัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมาร ต้องยื่นใบลาออกทั้งหมด คืนโควต้ารัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง พ่วงด้วย 1 ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้นายกรัฐมนตรี ล้างไพ่บริหารจัดการใหม่

เมื่อนายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกับนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถือว่า “การพ้นจากตำแหน่งมีผลทันที”

จากนี้ไป จึงเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ที่ต้องจัดสำรับ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่

โฟกัสสำหรับ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนหน้านี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้ากลุ่ม “สามมิตร” เคยแสดงความจำนงจะคืนถิ่น ต้องการเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงานแทนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยืนยันจะต้องเป็นเจ้าของ “โควต้ากลาง” โดยเฉพาะทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจและความมั่นคง

ซึ่งตั้งแต่ต้นรัฐบาล คสช. กระทรวงพลังงานถูกจัดให้เป็น “กระทรวงด้านความมั่นคง” จวบจนปัจจุบัน

และกระทรวงนี้คือ ปฐมเหตุ-จุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเขย่าโครงสร้างอำนาจพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมาร เคยไขรหัสปรากฏการณ์ ก่อนพรรคแตกหักว่า

“คือการจองกระทรวงพลังงานตั้งแต่แรก แต่พี่สน (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) เป็น รมว.กระทรวงพลังงาน ซึ่งถือว่าเป็นขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ดูเหมือนกระทรวงเล็กแต่เงินมหาศาลและใช้ง่าย จึงเป็นการปะทะกัน…กลุ่มสามมิตรแต่ก่อนโชว์พลัง แต่กลายเป็นว่า ได้โค้วต้าอุตสาหกรรม ยุติธรรม จึงเกิดการขับไล่เลขาธิการพรรค เหล่านี้คือปฏิบัติการแรกของกลุ่มสามมิตร หลังจากนั้นก็เคลื่อนไหวเขย่าต่อมาเรื่อย ๆ”

ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อันเป็น “เป็นขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” จึงถูกสปอตไลน์ฉายจับ ตั้งแต่วันแรกที่ฟอร์มคณะรัฐมนตรี จนถึงยุคปรับ ครม. ประยุทธ์ 2/2

ชื่อของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุครัฐบาล คสช.และคั่วตำแหน่ง 1 ใน 6 คณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กลับเข้ามาติดโผ และมาแรงที่สุดอีกครั้ง

แต่สถานะบทบาทของ “ไพรินทร์” ใหญ่กว่าเดิม คือมีโผระบุให้เป็น “รองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน”

โผที่มาแรงชิ้นนี้ กลายเป็นคลื่นใต้น้ำในพลังประชารัฐ ถึงกับปล่อยข่าวดักทาง-ปิดถนน เส้นทางสู่กระทรวงขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า โดยกลุ่ม “สามมิตร”

กระนั้น นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ  ต้องรีบออกมาดับข่าวลืออันร้อนแรง ว่า “ตนเอง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  จะนำกลุ่มส.ส. แถลงคัดค้านไม่ให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดตเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และจะสนับสนุนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทน นั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย และไม่มีการนัดรวมตัวส.ส. เพื่อแถลงคัดค้านใครทั้งสิ้น”

ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ กับนายสนธิรัตน์ “เปิดศึกหน้านายกฯ” มาแล้ว ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เมื่อนายสนธิรัตน์ รมว.ขณะนั้นดำรงตำแหน่งพลังงาน  ได้รายงานแผนพัฒนาพลังงาน-โรงไฟฟ้าชุมชน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อภิปรายเพิ่มเติม ว่าจะช่วยสร้างพลังเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น แต่ต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการและควรทยอยอนุมัติ ตั้งแต่กลางเดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป

จังหวะเดียวกันนั้น นายสุริยะ ว่าที่รัฐมนตรีในโผสามมิตร ก็ได้อภิปรายดึงเกม ด้วยการกล่าวถึงว่า ไม่ควรเร่งรีบ และควรพิจารณาทีโออาร์ ให้ละเอียดเรียบร้อยเสียก่อน

ท่ามกลางความระทึกของรัฐมนตรีคนอื่น ว่าเกมการโต้เถียงจะบานปลาย…แต่แหล่งข่าวในห้องประชุม ครม. ระบุว่า ทั้งห้องก็เงียบ และเลขาธิการ ครม. ก็ได้นำเสนอวาระต่อไปทันที

แหล่งข่าวในคณะรัฐมนตรี วิเคราะห์ถึง ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานคนใหม่ ว่า “ความเป็นไปได้ของรายชื่อในโผ แต้มสูงลำดับต้นๆ คงอยู่ที่ นายไพรินทร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุน ลำดับถัดมาคือ บุคคลที่สามารถ กุมผลประโยชน์ของ 2 ขั้ว คือมหาดไทยและนักธุรกิจในสายนี้ ไว้ในมือ และหัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ประวิตร ให้การสนับสนุน คือ นายสุริยะ  แต่ก็ถือว่าคะแนนของ 2 รายชื่อในโผนี้ ยังก้ำกึ่ง”

ที่สุดแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ตำแหน่งเดียวที่ต้องได้รับฉันทานุมัติจาก 3 ทหารเสือ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานาะนายกรัฐมนตรี และน้องของ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค-หัวหน้าทุกมุ้งการเมือง และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย

หุ้นส่วน 3 ทหารเสือ ยังเป็นปัจจัยชี้ขาดในการปรับ ครม. ประยุุทธ์ 2/2