‘ประยุทธ์’ เครียด ข้อเสนอม็อบ “จะเปลี่ยนแปลงอะไรแผ่นดินนี้ดูบริบทด้วย”

ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“ประยุทธ์” เครียดหนัก หลังม็อบประชาชนปลดแอก ขีดเส้น 3 ข้อ 2 เงื่อนไข วอนทุกฝ่ายสร้างความเข้าใจให้เด็กรู้ถึงบริบทของประเทศ

วันที่ 17 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ยกกำลังสองการศึกษาไทย สู่ความเป็นเลิศ” (Thailand Education Eco-System) และการแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนการศึกษาไทย ณ ห้อง Auditorium ชั้น 6 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาทั้งหมดเราทำคนเดียวไม่ได้จะต้องร่วมมือกันจากคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะการเปลี่ยนหน้าประวัติศาศตร์ทางการศึกษา รัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ อย่างบูรณาการ

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พัฒนาคนในทุกมิติ

นายกฯ ได้กล่าวถึงความสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมทั้งระบุเป้าหมายของรัฐบาล คือ การพัฒนาคนในทุกมิติในทุกช่วงวัย เพื่อให้คนไทยมีความพร้อม ซึ่งวันนี้ความแข็งแรงของเด็กค่อนข้างจะเข้มแข็งน้อยลง จำเป็นต้องปลูกฝังให้ร่างกายมีความแข็งแรงและเมื่อร่างกายแข็งแรงสมองก็จะแข็งแรงการพัฒนาเจริญเติบโตก็จะมีมากขึ้น

“นอกจากร่างกายจะต้องแข็งแรงแล้วจิตใจก็ต้องแข็งแรงด้วย มีจิตสาธารณะมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อผู้อื่น ประหยัด มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารีมีวินัย รักษาศีลธรรม เป็นคนดีของชาติด้วนการมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีมายเซต ใหม่ ปรับทั้งหมด และคงไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับด้วยในการเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สร้างความเข้าใจให้เด็ก

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เราต้องพัฒนาเด็กไปสู่กระบวนการเรียนรู้ที่คิดเป็น มีหลักการ มีวิชาการเสริมอยู่ในสมอง ต้องรู้หลักปฏิบัติตั้งแต่เล็กว่ามีความลำบากแค่ไหน กว่าจะมาถึงวันนี้ เราต้องให้เด็กให้ความสนใจกับเรื่องของชุมชนและสังคมให้มากขึ้น มากกว่าเรื่องที่ยังไม่ใช่เวลา หรืออนาคตของพวกเขา คือการเรียนหนังสือให้จบและมีงานทำ คือเป้าหมายของนักศึกษาและเด็กนักเรียนทุกคน

“เราเป็นประเทศที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยสูง วันนี้เราลืมสิ่งเหล่านี้ไปแล้วหรือ ต้องกลับมาทบทวนใหม่ทั้งหมด ผมถูกสอนมายุคโบราณ ยอมรับว่าวันนี้เลยคิดมาก คิดละเอียดยุบยิบทุกวัน ไม่ได้อยู่เฉย ๆ และนายกฯ ไม่ใช่มีหน้าที่แค่เป็นประธานเปิดและปิดงาน ต้องรับมือได้ทุกสถานการณ์เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเอง ทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบ เรียบร้อย ปลอดภัย การเป็นเด็กที่ดีจะต้องเรียนดี และไม่ใช่เรียนดีอย่างเดียว ต้องมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบ ไม่มองแต่เรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว”

“สรุปว่าต้องเปลี่ยนหลักคิดใหม่ทั้งหมด แต่ไม่ใช่จะเปลี่ยนหวือหวา อะไรที่ไม่เข้ากับบริบทของความเป็นไทยในขณะนี้ หลายหลายประเทศอิจฉาอัตลักษณ์ความเป็นไทยของเรา หลายเรื่องที่เขาอยากจะร่วมมือ หลายอย่างที่อยากมาลงทุนประเทศไทย เพราะความมีอัตลักษณ์ของไทย ความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้อยู่กับตัวคนไทยทุกคน รอยยิ้ม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงาม ทุกสิ่งนี้คือประเทศไทย แต่สิ่งเหล่านี้ถูกลืมไปหรือเปล่า เป็นหน้าที่ของครูและการศึกษาต้องช่วยกันสอนและอบรม บ่มนิสัยให้เป็นคนดีและเก่ง” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นนายกรัฐมนตรีมา 5 ปี กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 6 รู้ดีว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากสิ่งสำคัญวันนี้เราต้องหาพรสวรรค์ของเด็กให้เจอ ครูจะต้องสอนทั้งในและนอกห้องเรียน วันนี้เราบังคับใครไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้เขาเข้าใจ ไม่มีใครไปบังคับหรือช่วยได้ เพราะอนาคตเขาต้องประเชิญโลกของความเป็นจริงด้วยตัวเอง วันนี้ตนทำได้เพียงการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ วันนี้ทุกอย่างถือเป็นงานที่ตนต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นรัฐบาล มีหน้าที่ในการรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ รับฟังความคิดเห็นแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากต่างประเทศด้วย

ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่

“วันนี้ต่างประเทศอยากมีส่วนร่วมกับเราเพราะเห็นศักยภาพที่มีอยู่ ดังนั้นเราจะต้องไม่ทำลายศักยภาพของเราเอง ไม่ทำลายประเทศด้วยสิ่งที่มีปัญหาทุกอย่างต้องค่อย ๆ แก้ไขไป ตามขั้นตอนอย่าทำให้ทุกอย่างมาทำลายตรงนี้ให้เกิดความเสียหายผมต้องการเพียงเท่านั้น ยืนยันว่าผมจะทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่สุดชีวิตของผม ในการทำงานทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบ ทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกภาคส่วนมีความเกี่ยวข้องทั้งหมด ครู เด็ก ผู้ปกครอง สังคม สิ่งแวดล้อม ชุมชน โรงเรียน รวมถึงกระบวนการประชาธิปไตยใด ๆ ก็ตามในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มาจากความเป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น”

“ดังนั้นทุกคนต้องมาช่วยกัน ถ้ายังขัดแย้ง ต่อต้านอะไรก็ทำไม่ได้ซักอย่าง ก็จะล้มทั้งหมด แล้วมันจะไปได้กันอย่างไร แล้วอนาคตประเทศจะมีหรือ วันนี้สถานการณ์บ้านเราไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะนอกจากปัญหาโควิดแล้ว มีปัญหาเศรษฐกิจทั้งโลก สื่อบางสำนักก็กดดัน ไม่มีการเปรียบเทียบหรือขอให้ทุกคนอดทน สังคมเราจะต้องเกิดการประนีประนอม หาทางออกที่ถูกต้อง ช่องทางที่ควรจะเป็น เดินหน้าในสิ่งที่ทำได้เร็ว และร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาเดิมๆ อย่างเช่นเด็กติดอยู่ในรถ ซึ่งเป็นเรื่องการขาดความรับผิดชอบ เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องช่วยกันลดอุปสรรค และหวังว่าทุกคนจะมีเวลาให้กับเด็กมากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า

ติงสื่อ เสนอแต่ข่าวความขัดแย้ง

สื่อมวลชนวันนี้ถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ให้กับสังคมอย่างไร ถ้าเอาแต่การแพร่ข่าวอย่างเดียว ทางนั้นว่าอย่างนี้ ทางนี้ว่าอย่างนั้น ความขัดแย้งจะเกิดอย่างนี้ไปตลอดเวลา ฉะนั้น ทำอย่างไรจะให้เกิดความสงบให้ได้ มีเสถียรภาพรัฐบาลให้ได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรตามมาในขณะนี้ สุดแล้วแต่

วันนี้เราต้องใช้จ่ายงบประมาณ ทำโครงการโดย ครม. ส่วนเรื่องของสภาฯ ฝ่ายนิติบัญญัติก็ว่ากันไป อย่าเอาอะไรมาพันกัน อย่าเอาอำนาจฝ่ายบริหารและตุลาการมาพันกัน มันคนละอำนาจกัน แต่ตนมีหน้าที่ในการประสานทำความเข้าใจ นั่นคือ หน้าที่ของรัฐบาล ไปก้าวล่วงใครเขาไม่ได้ ทุกคนมีกฎหมายทุกตัว

ดังนั้น สื่อมวลชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเผยแพร่ความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจสังคมในสิ่งที่ดี ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้าจะเสนอข่าวความขัดแย้งอะไรก็สุดแล้วแต่สื่อ แต่ต้องเสนอสิ่งดี ๆ ที่มันเกิดขึ้นด้วย บางสื่อ บางฉบับ บางคอลัมน์ เอาข้อเท็จจริงมาปรากฏว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำอะไรไปบ้างแล้ว ตนอยากให้มีคอลัมน์เหล่านี้มากยิ่งขึ้น วันนี้อยากจะบอก คนเขาก็ไม่อยากอ่านเหมือนกัน เพราะเขาบอกความขัดแย้งมันสูง ก็เลยเข้าไปในโซเชียลมีเดีย ก็ไปเจอทางนู้นอีกทาง ตรงนี้จะทำอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้ ตนบังคับใครไม่ได้

จะเปลี่ยนแปลงอะไร ให้ดูบริบทของประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แต่ละฝ่ายมีปัญหา แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย หาเป้าหมายว่าต้องการอะไร ช่วงปีนี้ หรือยุทธศาสตร์ 5 ปี ต้องการอะไร ทั้งครู เด็กนักเรียน สถาบันการศึกษาต้องการอย่างไร และมองย้อนหลังว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะต้องอะไรในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการเดินหน้าทุก 1 ปี และ 5 ปี เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้

บางครั้งการพูดหลักการคนไม่เข้าใจ ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกคนไม่ชอบอ่านหนังสือยาว ๆ ไม่ชอบฟังอะไรนานๆ สิ่งเหล่านี้เป็นโลกยุคใหม่ อ่านหนังสือ 3 บรรทัด และอ่านโซเชียลมีเดีย 3 บรรทัด แต่วิพากษ์วิจารณ์กันได้เยอะ ใส่ไปในโซเชียลมีเดีย ฝ่ายรัฐลองเปิดดูบ้าง ข้อมูลที่ใส่ไปไม่เห็นมีใครอ่าน มีคนแชร์นิดเดียว ฉะนั้น ต้องช่วยกันพูดและทำความเข้าใจ

“ประเทศชาติไม่ใช่ของผม หรือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนทุกคน แผ่นดินผืนนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไร จะทำอะไรก็ต้องดูพื้นฐานและบริบทของประเทศไทยด้วย สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรถึงจะยกระดับการศึกษาของประเทศให้ได้ การศึกษาเราไม่ใช่ล้มเหลว ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่อยู่ที่การบริหารจัดการให้ทันต่อโลกยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการศึกษาหลายคนบอกว่าอยากเอาแบบประเทศฟินแลนด์ ไม่ต้องไปโรงเรียน เด็กมีความสุข เราทำอย่างนั้นได้หรือไม่ ไปคิดดู แต่ตนคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ลำบาก เพราะหลายอย่างเรายังมีปัญหามากในขณะนี้ ถ้าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาช่วงนี้ไปก่อน ปัญหาอื่นยังไม่ใช่ความเป็นความตายของประเทศ ต้องแก้ปัญหาที่มีอยู่ให้ได้ก่อน อย่างอื่นก่อนแก้ไปตามระบบ ระเบียบ ขั้นตอน ตนไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น

“เศรษฐกิจ-โควิด” เตรียมการหลายด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเศรษฐกิจ เมื่อมีโควิด-19 มากระทบต่อ ทำให้การส่งออก การท่องเที่ยว ไม่ใช่ไทยไม่อยากส่งออก เขาไม่ซื้อเพราะเขาก็เจอปัญหาโควิด-19 เหมือนกัน ดังนั้น เราต้องเพิ่มการบริโภคในประเทศ เพิ่มสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น นวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมา สิ่งเหล่านี้ต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาคนจะต้องตอบสนองความต้องการประเทศ การบรรจุข้าราชการก็ต้องเอาคนรุ่นใหม่เข้ามา ไม่ใช่เอาแต่สอบทั้งหมด ต้องรับพวกเฉพาะทางเข้ามาด้วย เศรษฐกิจรอบบ้านตกทั้งหมด อยู่ที่ว่าจะตกมากหรือตกน้อย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่ออีกว่า ตนไม่ได้บอกว่าของเราดีกว่าเพื่อน แต่เรามีทรัพยากรซึ่งต้องคิดดูว่าจะพัฒนาอย่างไรให้มีมูลค่าสูงขึ้น คนไทยไม่ใช่ไม่เก่ง เก่ง มีความรู้มาก เหลืออย่างเดียวจะทำงานร่วมกันอย่างไร นั่นคือ ประเด็นของเรา เราจะต้องร่วมมือกันให้ได้ทุกภาคส่วน รัฐบาลได้เตรียมการหลายอย่างตั้งแต่เป็นรัฐบาลครั้งที่แล้ว ในด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ และกำลังปรับปรุงฟื้นฟู ขสมก. การบินไทย รถไฟ แต่ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคนเยอะ ทั้งในองค์กร สหภาพ แต่ทำอย่างไรจะแก้ปัญหาได้ ไม่เช่นนั้นปัญหาเหล่านี้จะกดทับเราไปเรื่อย ๆ ปัญหาใหม่เข้า ปัญหาเก่าแกะไม่ออก เพราะมีแรงต่อต้านเยอะ จึงไปไม่ได้สักอัน

“มันยิ่งกว่าโควิด-19 อีก โควิด-19 ว่าร้ายแล้ว ต่อจากนี้ไปมันจะร้ายกว่านี้อีก ฉะนั้น ทุกคนต้องเข้าใจให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้สังคมช่วยกันที่จะลดผลกระทบอันจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอีกหลายด้าน หลังโควิด-19 แล้ว ปีหน้ายังไม่รู้ว่าวัคซีนจะออกมาได้จริงหรือไม่ เมื่อออกมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะไวรัสมันก็พัฒนาตัวเอง ทุก 5 ปี 10 ปี มันก็มี หายไปแล้วจะกลับมาใหม่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ โลกเป็นอย่างนี้เพราะคนมีจำนวนมากขึ้น วันนี้ความยากจน ถ้าไม่รู้จักการใช้จ่าย ไม่คำนึงกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา ไม่ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ไปไม่ได้แน่นอน นี่คือสิ่งที่ผมกังวล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เครียด! นอนไม่หลับ เอาธรรมะเข้าสู้

นายกฯ กล่าวถึงปัญหาสุขภาพว่า “เคยตื่นขึ้นมากลางดึก ตี 2 ตี 3 แล้วนอนไม่หลับหรือไม่ หลายคนก็เคยเจอมาแล้วกินยานอนหลับวันละ 2 เม็ด กินมากก็ดื้อยา ต้องเอาธรรมะเข้ามาข่ม นับ 1 ถึง 10 แต่ผมเสียนิสัยนับถึง 2 ก็ไปแล้ว ปล่อยต้องเพิ่มพยายามอีกหน่อยใคร แต่ผมไม่เกลียดใคร ความเกลียดจะเป็นสิ่งที่จะตอบสนองมาที่ตัวเรา คนที่เราเกลียดเขาไม่รู้หรอกว่าเราเกลียดเขา แต่บาปมันอยู่ที่เรา​ ผมให้อภัยทุกคนได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย”


“นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด หลายอย่างมันต้องเกิดขึ้นแน่นอน หลายอย่างมันสะสมมานาน ก็ต้องแก้กันวันนี้ หลายอย่างต้องคิดว่าหลายอย่างวันนี้มาจากความโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเปิดหน้าขึ้นมาเรื่อย ๆ คนทำความผิดก็จะมีออกมาเรื่อย ๆ และเราก็ต้องมาแก้กัน ถ้าไม่เปิดออกมาก็แก้กันไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง นี่คือสิ่งที่ผมคิด”