กมธ. งบประมาณ เลื่อนวาระ ซื้อเรือดำน้ำ 3 วัน ล็อบบี้เสียงพรรคร่วม

สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

กรรมาธิการงบประมาณ เลื่อนวาระ ซื้อเรือดำน้ำไปอีก 3 วัน เพื่อล็อบบี้เสียงโหวตพรรคร่วมรัฐบาล

วันที่ 26 สิงหาคม 2563 การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเริ่มประชุมมาตั้งแต่เวลา 10.00 น. โดยจะมีวาระการพิจารณางบประมาณการซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ ในช่วงบ่าย

ทั้งนี้ ส.ส.ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 6 เสียง ได้รับสัญญาณจากมติพรรคเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ว่าจะไม่ลงมติโหวตให้ วาระซื้อเรือดำน้ำผ่านในชั้นกรรมาธิการ ทำให้ กรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลเหลือเสียง 42 เสียง จากฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด 48 เสียง และตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี 18 เสียง และ พรรคร่วมรัฐบาล 30 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 24 เสียง รวมเป็น 72 เสียง

ในห้องประชุมกรรมาธิการ ที่อาคารัฐสภา ช่วงบ่าย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ได้สั่งพักการประชุม และออกมาหารือนอกรอบ กับแกนนำของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล และกรรมาธิการงบประมาณ ได้เดินพูดคุยกับกมธ.งบฯ ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ  และได้มีการพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา กมธ.งบฯ จากพรรคก้าวไกล และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ รองประธาน อนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ ซึ่งเป็นกมธ.ที่จะเสนอให้มีการทบทวนการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ด้วย

จากนั้นที่ประชุมได้มีการประชุมลับ โดยมีรายงานว่าในที่ประชุมเตรียมจะขอมติให้มีการเลื่อนวาระการพิจารณางบเรือดำน้ำออกไปเป็นช่วงเย็นจากที่มีกำหนดวาระพิจารณาในช่วง 13.00 น. เพื่อจะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงเหตุผลต่อที่ประชุม กมธ.งบฯชุดใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาให้มีความเห็นชอบให้มีการจัดสรรงบประมาณต่อไป แต่นายยุทธพงศ์ ไม่ยอม แต่เมื่อเปิดประชุมแบบเปิดเผยที่ประชุมก็พิจารณาตามวาระ โดยให้อนุกมธ.แต่ละคณะรายงานผล

ต่อมา ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี มีส.ส.ของพรรคบางคนระบุหากการจัดซื้อเรือดำน้ำผ่านความเห็นชอบของกรรมาธิการ จะโหวตสวนในชั้นการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 วาระ 2-3 โดยเชื่อว่ายังมีทางออก

“มันยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น ตอนนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของ กมธ. เชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก ถ้าได้ข้อยุติในชั้น กมธ.ได้ก็จะช่วยให้ดำเนินการในขั้นอื่นๆต่อไปได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯถึงเรื่องนี้ ปล่อยให้ กมธ.ไปพูดคุยกันก่อน”

นายสันติ พร้อมพัฒน์ กล่าวถึง ถึงกรณีงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 วงเงิน 22,500 บาท ว่า กมธ.ชุดใหญ่ คงต้องเลื่อนการพิจารณาไป 2-3 วัน  เพราะ กมธ.คณะใหญ่ต้องให้กองทัพเรือชี้แจงว่าขั้นตอนต่างๆ ว่าขั้นตอนการจัดซื้อเรือดำน้ำได้ไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว เนื่องจากกรณีดังกล่าวทางกองทัพเรือได้การอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2563 จากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตราเป็นกฎหมายไปแล้ว

“ต้องให้กองทัพเรือมีโอกาสได้คุยกับคู่ค้าด้วย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในเมื่อโครงการดังกล่าวได้รับการจัดสรรผ่านงบประมาณปี 2563 ครม.เท่ากับว่างบประมาณ 2563 อนุมัติให้กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำได้สองลำ”

“จากที่คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคฝ่ายค้านในแต่ละพรรคและ กมธ.ทุกคนเห็นด้วย กับการที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ ไม่มีใครคัดค้าน แต่ขณะนี้ภาวะวิกฤตโควิด -19  ทำให้เศรษฐกิจชะลอลง คนตกงานจำนวนหนึ่ง ต้องพิจารณาว่าให้กองทัพเรือไปคุยว่าจะสามารถดำเนินการอะไรได้บ้างเนื่องจาก อนุมัติเป็นกฎหมายแล้ว”

นายสันติกล่าวด้วยว่า ถ้าไม่ดำเนินการจะขัดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร ส่วนกระแสสังคม กมธ.คณะใหญ่น้อมรับความห่วงใยต้องให้ทุกภาคส่วนคุยกัน คาดว่าใช้เวลา 2-3 วัน  เพราะ กมธ.หลายคนมองว่าจำเป็น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านก็มีเรือดำน้ำ เช่นอินโดนีเซีย แม้แต่พม่า เขามีแล้ว 1 ลำกำลังสั่งต้อ 4 ลำ ดังนั้น กมธ.ทุกคนเห็นด้วย” นายสันติ กล่าว

นายสันติ ชี้แจงว่า ฟังจากสื่อที่มีการกล่าวว่าสามารถใช้เฮลิคอปเตอร์แทน เรือดำน้ำได้นั้น มันไม่ใช่ เพราะเรือดำน้ำนอกจากไว้เป็นเขี้ยวเล็บ ยังเฝ้าระวังผิงน้ำ บนอากาศและใต้น้ำด้วยกัน อีกทั้ง ระหว่างมิตรภาพไทย จีน ได้ออกแบบเรือเป็นพิเศษ มีเครื่องป้องกันการจับสัญญาณน้ำตื้น สามารถอยู่น้ำตื้นได้ด้วย 60 -80 เมตร ทะเลไทยอันดามันทะเลจีนมีพื้นที่ขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาล หลายพันกิโลเมตร การมีเรือดำน้ำ 3 ลำประหยัดอย่างสูงแล้ว และกว่าจะได้เรือมาต้องใช้เวลา  7 ปี  มองทั้งความมั่นคงกองทัพ ทุกคนกำลังปรึกษาหารืออย่างยิ่งยวด

นายสันติ กล่าวว่า ส่วนการยกเลิกการซื้อเรือดำน้ำนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะการซื้อเรือดำน้ำ ผ่าน ครม.แล้ว และสภาอนุมัติให้ไปดำเนินการ ให้ทั้งเงินและอำนาจกองทัพเรือไปดำเนินการ  ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ มีมติว่าจะไม่อนุมัติให้ซื้อเรือดำน้ำ และจะลงมติคว่ำงบประมาณดังกล่าว ใม่คว่ำหรอก เป็นเรื่องความจำเป็นของบ้านเมืองต้องอยู่บนเหตุบนผล

เมื่อถามว่า ถึงขั้นต้องมาโหวตในที่ประชุมหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า อยู่ที่ประชุมจะหารือกันว่ามีทางออกที่ดีที่สุดหรือมีข้อจำกัดอะไรหรือไม่ ถ้าทุกคนเห็นตรงกันก็เป็นไปตามนั้น