พรรคเพื่อไทย เลือกกรรมการบริหารใหม่ 2 โหล “สมพงษ์” เป็นหัวหน้า

หัวหน้าพรรคฯและเลขาฯพรรคฯคนใหม่ของเพื่อ

พรรคเพื่อไทย เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่  รวมทั้งสิ้น 24 คน จากเดิม 26 คน

วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ หลังจาก ทีมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ลาออก รวมทั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลาออกทำให้ต้องล้างไพ่ เลือกกรรมการบริหารใหม่ ดังนี้

หัวหน้าพรรค​​
1. นาย​​สมพงษ์ อมรวิวัฒน์​​

รองหัวหน้าพรรค​​จำนวน 10 คน ได้แก่

1. น.อ.​อนุดิษฐ์ ​​นาครทรรพ​​
2. นาย​​กิตติรัตน์​​ ณ ระนอง​​
3. นายชูศักดิ์​​​ ศิรินิล​​​
​​4. นาย​​เกรียง ​​​กัลป์ตินันท์​​
​​5. นาย​​ยุทธพงศ์​​ จรัสเสถียร​​
6. นาย​​พิชัย​​​ นริพทะพันธุ์​​
​​7. นาย​​สุทิน ​​​คลังแสง​​
​​8. นาย​​ไชยา​​​ พรหมา​​
​​9. พล.ต.อ.​สมศักดิ์​​ จันทะพิงค์​​
​​10. นาย​อนุสรณ์​​ เอี่ยมสะอาด​​

เลขาธิการพรรค​​
1.นาย​​ประเสริฐ ​​จันทรรวงทอง​

รองเลขาธิการพรรค​​จำนวน 5 คน ได้แก่
1. นาย​​จักรพล​​ ตั้งสุทธิธรรม​​
2. นาย​​จิรวัฒน์​​ ศิริพานิชย์​​
3. นายเผ่าภูมิ​​​ โรจนสกุล​​
4. นาย​​คุณากร​​ ปรีชาชนะชัย​​
​​5. นาย​​นพ​​​ ชีวานันท์​​​

เหรัญญิกพรรค​​
1.น.ส.ธีรรัตน์ ​​สำเร็จวาณิชย์​​

นายทะเบียนพรรค​
1.นาย​​จักรพงษ์​​ แสงมณี​​

โฆษกพรรค​​
1.น.ส.​อรุณี​​​ กาสยานนท์​​

กรรมการบริหารพรรค​จำนวน 4 คน ได้แก่
1. นาย​​ชวลิต​​​ วิชยสุทธิ์​​
​​2. นาย​​สรวงศ์​​ เทียนทอง​​
​​3. นาย​​องอาจ​​​ วงษ์ประยูร​​
4. นาย​​พรเทพ​​ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์

หัวหน้าพรรคฯและเลขาฯพรรคฯคนใหม่ของเพื่อไทย

นายสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า “ผมขอขอบพระคุณเพื่อนสมาชิก ที่ได้ร่วมลงคะแนน ให้ความไว้วางใจ เลือกผมกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกครั้ง สถานการณ์ของบ้านเมืองวันนี้ ตกอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤติ ทั้งทางการเมือง และเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมือง ที่ได้ต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มีความจำเป็นต้องปรับตัว ปรับโครงสร้างการบริหารของพรรค ให้สามารถแบกรับภารกิจ และให้เป็นที่หวังพึ่งได้ของพี่น้องประชาชน”

ภารกิจสำคัญอย่างแรก คือ ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในจุดยืนเช่นนี้มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เรายืนยัน จะจับมือร่วมกับทุกเครือข่าย เดินหน้าเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดกติกาที่ยุติธรรม และเป็นประชาธิปไตย ให้มากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในทุกด้าน อันจะเกิดประโยชน์สูงสุด แก่พี่น้องประชาชน

ภารกิจที่สอง คือ ความมุ่งมั่นที่จะแบ่งเบาความทุกข์ยาก เดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เริ่มส่งผลรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อชีวิตพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทั้งคนรายได้น้อย คนตกงาน คนที่แม้ยังอยู่ในระบบแรงงานโดยเฉพาะกลุ่ม SME วิสาหกิจทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมไปถึงเกษตรกร ทุกกลุ่มกำลังไปไม่ไหว

สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำต่อจากนี้ คือ การระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกพรรค เพื่อร่วมกันสร้างและผลักดันนโยบาย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เป็นรูปธรรม ดังเช่นที่พรรคเพื่อไทยได้เคยทำสำเร็จมาแล้ว อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย ที่เราได้สร้างความหวัง สร้างอนาคตให้แก่พี่น้องประชาชน ได้อย่างชัดเจนที่สุด

ภารกิจที่สาม คือ กระชับความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิก และพี่น้องประชาชน รวมทั้งกลุ่มประชาสังคมทุกเครือข่าย ให้เกิดการเรียนรู้ ร่วมมือกันให้แน่นแฟ้น สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยร่วมกัน อย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน

และภารกิจท้ายสุด คือ การรวบรวมและนำเทคโนโลยี มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการถ่ายทอดหรือสื่อสารไปยังประชาชนและ ส.ส. เพื่อรับรู้ปัญหา และสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของพวกเขา ให้ดียิ่งๆ ขึ้น

ท้ายที่สุด ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ของพรรคและสมาชิกพรรคทุกท่าน รวมทั้งผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่ได้ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการปรับองค์กร เปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน ให้โอกาสพรรคสามารถระดมทรัพยากรบุคคลของพรรคได้อย่างเต็มที่ เพื่อมาช่วยกันทำงาน

เป็นการผนึกกำลัง “จากรุ่น สู่รุ่น”  ระหว่างความรู้ และประสบการณ์ของ “รุ่นพี่” กับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ และความมุ่งมั่นที่เปี่ยมด้วยพลังของ “รุ่นน้องๆ” เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

“เราสองรุ่น” จะจับมือกันให้แน่น เพื่อร่วม “ถักทอ” ความหวัง ความฝัน ที่จะเห็นพี่น้องประชาชนของเรา ได้กินอิ่ม นอนหลับ ยิ้มได้ อย่างมีความสุข กับชีวิตที่ดีขึ้น และนั่นคือ อุดมการณ์สูงสุดของพวกเรา พรรคเพื่อไทย”